ข่าว"น้ำชา-ชีรณัฐ" ว่าที่เจ้าสาวสายสตรอง - kachon.com

"น้ำชา-ชีรณัฐ" ว่าที่เจ้าสาวสายสตรอง
บันเทิง

photodune-2043745-college-student-s

คงต้องยกตำแหน่งเจ้าแม่โปรเจคท์ให้ สาว นํ้าชา-ชีรณัฐ ยูสานนท์ เพราะนอกจากในวงการบันเทิงแล้ว ยังเปิดธุรกิจเกี่ยวกับความสวยความงาม “ดาวต่างมุม” สัปดาห์นี้ เลยนัดนํ้าชามานั่งพูดคุยถึงมุมมองการทำงาน รวมไปถึงเรื่องความรักกับหวานใจหนุ่ม ดร.วาว-ดิลกะ ลัทธพิพัฒน์ ที่หลังจากฝ่ายชายทำเซอร์ไพร้ส์คุกเข่าขอแต่งงาน ก็มีกระแสข่าวต่าง ๆ ตามมาเป็นบททดสอบให้ทั้งคู่ต้องจับมือกันฟันฝ่าอุปสรรค

ก่อนอื่นถามถึงธุรกิจใหม่ของนํ้าชา?
“ตอนนี้ชามีธุรกิจใหม่ Mad Mad Makeup ( แมด แมด เมคอัพ) ตอนนี้มีลิปสติก เดี๋ยวต่อไปก็จะมี อายไลเนอร์ รองพื้น ฯลฯ ตามมาแบบครบวงจร คือก่อนหน้านี้ ชาทำอีกแบรนด์หนึ่ง แต่เราได้ขายหุ้นไปแล้ว เลยสร้างแบรนด์ใหม่ แบรนด์จะเด็กลง มีความวัยรุ่นขึ้น เข้าถึงคนได้มากขึ้น

ช่วงนี้ทุ่มกับธุรกิจเต็มที่เลย?
“ค่อนข้างทุ่มนะคะ เกิน 50% เลย ชาพยายามที่จะทำทุกอย่างเกี่ยวกับเรื่องความสวยความงาม ทั้ง รีวิวแต่งหน้า สอนแต่งหน้า ทำยูทูบ ชาแนล ของตัวเอง ซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับธุรกิจเราด้วย สมัยนี้เราจะอยู่แต่ในทีวีไม่ได้ ต้องอยู่ในจอคอมพิวเตอร์ด้วย ชาเลยต้องทำการตลาดในโซเชียลมีเดียเยอะมาก ก็เหนื่อยนะคะ เพราะเราค่อนข้างชินกับการมีคนดูแล และทำทุกอย่างให้ เมื่อก่อนเรามีค่ายดูแล แต่ตอนนี้เราดูแลตัวเองเยอะมาก จัดแจงเองทั้งหมด ต้องทำธุรกิจ ออกไปถ่ายละคร ออกไปถ่ายหนังสือ ไปอีเวนต์ ฯลฯ แล้วชาเป็นคนอยู่เฉย ๆ ไม่ได้ ต้องทำโน้นทำนี่ตลอด”

แล้วงานในวงการของนํ้าชาตอนนี้มีอะไรบ้าง?
“มีละครเรื่อง “ฟ้าฝากรัก” เป็นแนวดราม่า-คอมเมดี้ แล้วก็จะมีละครอีก 2-3 เรื่อง กับทางช่อง3 บทค่อนข้างท้าทาย เดี๋ยวชาจะมีโมเมนต์ที่ถ่ายละคร 7 วันด้วยนะ คือที่ชาตัดสินใจรับหลาย ๆ เรื่องพร้อมกัน เพราะว่าเราก็มีอินเนอร์ที่อยากเล่นละคร แล้วเวลามีบทที่เจ๋ง ๆ มา เราก็ปฏิเสธไม่ได้ เพราะโอกาสไม่ได้มีบ่อย ๆ เราโตขึ้นเรื่อย ๆ ถ้ามีแรงทำก็ต้องทำให้หมด”

แล้วยังไปลงเรียนหลักสูตรผู้บริหารอีก?
“เรียนค่อนข้างหนักและใช้เวลาเยอะมาก หลักสูตรที่ชาเรียนจะเกี่ยวกับการใช้สื่อ ครีเอทีฟ ความคิดสร้างสรรค์ และมีเรื่องของการบริหารด้วย พอไปเรียนแล้วก็ดีนะคะ เราได้เปิดโลก เพราะจริง ๆ ชาเป็นคนค่อนข้างโลกส่วนตัวสูงมาก ชาจะอยู่กับเพื่อนไม่เกิน 5-6 คน ในหนึ่งสัปดาห์ ไม่ค่อยเจอใครใหม่ ๆ พอมาเรียนเวลาไปไหนทีเป็น 100 คนเลย เราก็มีตื่นคนเหมือนกัน (หัวเราะ) แต่ก็ทำให้เจอคนที่เข้ากับเรา คุยกับเรารู้เรื่อง ได้เจอคนหลาย ๆ แบบมากขึ้น”


นํ้าชาดูเป็นเจ้าแม่โปรเจคท์มาก?
“ชาว่าคนในวงการหลาย ๆ คนก็ทำธุรกิจกันเยอะนะ คือเราต้องทำแหละ เพราะอายุเยอะแล้ว จะมาเล่นละครอยู่หน้ากล้องอย่างเดียวไม่ได้ ตีนกาก็มาเรื่อย ๆ คืองานในวงการเป็นงานที่ขายรูปลักษณ์ภายนอก และภายนอกของคนเรามีอายุจำกัด เราเลยต้องหานั่นหานี่ทำ อีกอย่างพื้นฐานชาเป็นคนชอบทำธุรกิจอยู่แล้ว จะให้อยู่แต่เบื้องหน้าตลอดคงไม่ได้ คือธุรกิจที่เริ่มใหม่ก็จะเหนื่อยช่วงแรก แต่พออยู่ตัวแล้วจะสบาย เหมือนแบรนด์เสื้อผ้า“ชีรณัฐ” ที่ค่อนข้างอยู่ตัวแล้ว ชาเลยขึ้นธุรกิจใหม่ พอธุรกิจใหม่อยู่ตัว เราก็จะขึ้นธุรกิจต่อไปอีก ชาคิดว่าคน ๆ หนึ่งสามารถทำธุรกิจได้หลายอย่าง ไม่จำเป็นที่เราต้องปักหลักกับอะไรแค่อย่างเดียว เพียงแต่อาจจะอยู่ในหมวดหมู่เดียวกัน หรืออยู่ในความสนใจของเรา และวันหนึ่งธุรกิจที่เราทำทั้งหมดจะมีจุดที่อยู่ตัว ที่เราจะสามารถไปเที่ยวรอบโลก ไปทำอะไรที่อยากทำ โดยปล่อยให้งานดำเนินไปด้วยตัวของมันเอง นี่คือเป้าหมายของชา และอีกเป้าหมายหนึ่ง ก็คือให้แม่อยู่บ้านเฉย ๆ ได้ คือชาอาจจะไม่ได้ไปช่วยธุรกิจที่บ้าน แต่ทุกวันนี้เราทำอะไรของเราเอง และเชื่อว่าวันหนึ่งเราจะดูแลเขาได้ แบบที่เขาไม่ต้องเหนื่อยแบบทุกวันนี้ ทุกวันนี้คุณแม่ชายังดูแลโรงแรมอยู่ แต่ชาไม่ได้เข้าไปช่วยเลย ก็รู้สึกผิดนิดหนึ่ง แต่เราไม่ได้เก่งหรือมีแพชชั่นตรงนั้นเลย”

คนอาจจะมองว่าที่บ้านชามีธุรกิจ ไม่ต้องมาทำงานตรงนี้ก็ได้?
“จริง ๆ ชาเป็นคนลุยมาก ชาติดดินและธรรมดามาก เราไม่ได้ขอเงินคุณแม่มาตั้งแต่ตอนอายุ 19-20 ปีแล้ว ชารู้สึกว่าเราไม่เคารพตัวเองมาก ๆ ถ้าต้องไปขอเงินพ่อแม่ จนบางครั้งแม่ถามว่าลูกโอเคไหม มีตังค์ไหม มีอะไรก็บอกได้นะ แต่เรามีอีโก้มากที่เราจะขอเงินพ่อแม่ ตอนเด็ก ๆ ก็เคยมีโมเมนต์ที่ตังค์หมด แล้วก็ไม่พูด ไม่บอก เราก็ใช้แบบที่เรามี”

ชาอยู่วงการมากี่ปีแล้ว?
“10 กว่าปีแล้วค่ะ ตอนนี้มีเด็กรุ่นใหม่เยอะมาก เราแทบจะไม่รู้จักเลยนะ เราจะรู้จักแต่คนที่รุ่นเดียวกับเรา หรือเป็นผู้ใหญ่กว่าเรา เพราะฉะนั้นทุกวันนี้ที่เรายังรับละคร รับงานในวงการอยู่ก็เพราะไม่อยากหายหน้าไป แล้วก็ต้องใช้เวลาตรงนี้ให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้”

เรียนรู้อะไรจากวงการนี้บ้างตลอด 10 กว่าปีที่ผ่านมา?
“เยอะมากเลยนะคะ ชาเชื่อว่าการที่เราเป็นคนของสังคม เราต้องเป็นแบบนั้นจริง ๆ คือเรายังคงมีความเป็นตัวของตัวเอง แต่ไปไหนต้องนอบน้อม ต้องมีมารยาท ต้องเข้าสังคมได้ เขาเรียกว่าต้องอยู่เป็น”


ถามเรื่องความรักบ้าง ล่าสุดมีข่าวดีแล้ว ดร.วาวเพิ่งคุกเข่าขอแต่งงาน?
“ใช่ค่ะ คือวันนั้นเราทำเป็นไม่รู้แหละ แต่จริง ๆ พี่เขาหลุดเยอะมาก อย่างตอนที่ชาไปเที่ยวมัลดีฟส์ เราก็มีถามว่าเอ๊ะ นี่จะขอชาแต่งงานที่ทริปนี้หรือเปล่า เหมือนเรามีลางสังหรณ์ เขาก็บอกไม่หรอกครับ ทริปหน้า เราก็เอ้า...จะบอกทำไม แล้วทริปหน้าหลังจากไปมัลดีฟท์ก็คือภูเก็ต เราเลยเตรียมทุกอย่างพร้อม ตื่นมาแต่งหน้า 4 ชั่วโมง (หัวเราะ)”

เพื่อน ๆ ไปกันเยอะมาก?
“เราไม่คิดว่าเพื่อนจะมาได้เยอะขนาดนี้ เพราะเดินทางค่อนข้างลำบาก กว่าจะนั่งเครื่องบินมาภูเก็ต นั่งรถแล้วต่อเรือมาที่เกาะยาวน้อย แต่ก่อนหน้านั้น เพื่อน ๆ ก็ปล่อยโป๊ะในไลน์กรุ๊ป เขาลืมว่าชาอยู่ในกรุ๊ปนั้น อาจจะมือลั่น ก็พิมมาว่า “พวกแกเอาไง ไปได้ไหม พี่วาวจะขอนํ้าชาแต่งงาน” ซึ่งชาก็อยู่ในกรุ๊ปนั้น เลยพิมพ์กลับไปว่า ฮัลโล เราอยู่นี่นะ (หัวเราะ) หลังจากนั้นก็เงียบกันไปเลย ไม่มีใครโต้ตอบอะไรอีกเลย”

เห็นนํ้าชาบอกว่าร้องไห้ตั้งแต่ตอนที่ปิดตาเลย?
“พอลงมาเรือยอชท์ก็มีการปิดตา ก็คิดว่าใช่แน่ ๆ เลยปล่อยโหเลย ทั้ง ๆ ที่เราเหมือนจะรู้ แต่พอเกิดขึ้นจริง ๆ ก็ซึ้งค่ะ”

ดูทำงานคนละสายเลย ไม่น่าจะเจอกันได้?
“คนละสายเลยจริง ๆ ค่ะ ชาไม่เข้าใจในสิ่งที่เขาทำเลยสักนิดเดียว เขาก็ไม่เข้าใจในสิ่งที่ชาทำเลย แต่ชาไม่ต้องการคนที่เหมือนกัน เพราะชาเคยผ่านจุดนั้นมาแล้ว เมื่อก่อนเรามีความคิดว่าต้องหาคนที่เหมือนกัน คล้ายกัน แต่สุดท้ายแล้วอาจจะไม่เวิร์กสำหรับเรา เราอาจจะเหมาะกับคนที่ไม่เหมือนเราเลยมากกว่า อย่างพี่เขาทำงานประจำก็ต้องเข้าออฟฟิศและบินไปต่างประเทศด้วย ส่วนชาเป็นคนที่เวลาไม่แน่นอนมาก ๆ ทำงานทั้งกลางวัน กลางคืน ชาเข้าบริษัทบ้าง สัปดาห์นึงเข้า 2-3 ครั้ง แต่ชาว่าชาโอเคนะ เราไม่ได้ตัวติดกันขนาดนั้น และชาก็เชื่อเรื่องการ มีสเปซซึ่งกันและกัน ชาคิดว่ายิ่งตัวติดกันยิ่งอึดอัด เราต้องมีเจอกันบ้าง ห่างกันบ้าง เราเรียนรู้มาหมดแล้ว และจะไม่กลับไปก้าวเดิม ๆ ก็จะลองก้าวใหม่ หรือก้าวที่คิดว่าเวิร์ก”


คิดไหมว่าวันนี้จะมาถึงเร็ว?
“อึ้ง ๆ เหมือนกันนะคะ ตั้งตัวไม่ถูกเหมือนกัน แต่ทำให้เรารู้สึกว่าเราโตแล้วนะ ชาก็ปรึกษาหลาย ๆ คนนะ คนที่เขาเพิ่งโดนขอแต่งงานไป คนอื่นเขาก็จะมีมุมที่เป็นช่วงดีใจ ช่วงงง ๆ ค่อนข้างหลากหลายอารมณ์เหมือนกัน แต่ด้วยช่วงอายุและวัยที่จะไปอีกสเต็ปหนึ่งได้แล้ว และคิดว่าสิ่งที่เกิดขึ้นตรงนี้ไม่ได้จะเปลี่ยนแปลงชีวิตอะไรของเรา แค่ต้องคิดเรื่องการเก็บออม หรือทำอะไรให้มั่นคงขึ้น ส่วนสเต็ปของการมีลูกที่จะทำให้ชีวิตเราเปลี่ยนเลย ชาเลยยังไม่ได้คิดไปไกลขนาดนั้น เพราะชายังเอนจอยกับการทำงานอยู่มาก ๆ ถ้าต้องแบกท้องไปรีวิวแต่งหน้า ก็คงไม่ใช่”

เรื่องอายุเป็นอุปสรรคไหมในช่วงแรก?
“เป็นเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่น เรื่องการแต่งตัว เพราะชาจะชอบแต่งตัวให้คนที่เรารัก แต่เขาเป็นผู้ใหญ่ก็ไม่ค่อยให้ความสนใจเท่าไหร่ และไม่ได้อินกับเรา ซึ่งเราค่อนข้างแฟชั่นจ๋าเหมือนกัน แต่ก็จูนกันได้ แล้วก็เรื่องความนิ่ง บางทีชาก็คิดว่า เอะ...มีความรู้สึกหรือเปล่า แต่ชาก็คิดว่าดีแล้ว เพราะชาเป็นคนหลายอารมณ์มาก พอเจอเขาชาก็เรียบขึ้น ส่วนเขาก็นิ่งน้อยลง ชีวิตมีสีสันมากขึ้น ก็บาลานซ์กันดีได้ดีค่ะ”

งานที่แพลนไว้คือปีหน้า?
“ใช่ค่ะ เพราะว่าต้องมีการเตรียมงานหลายอย่าง เพราะถ้าต้องจองสถานที่ภายในปีนี้ก็ยากแล้ว คิดว่าไม่น่าทัน คงใช้เวลาเกิน 6 เดือน คือชาก็มีภาพงานแต่งงานในฝันเรานะคะ แต่พอโตมาก็เปลี่ยนไปเรื่อย ๆ ตอนนี้รู้สึกแค่ว่าอยากทำให้อะไรให้เรามีความสุขในงานของเรามากที่สุด ชาอยากแต่งในโบสถ์เพราะนับถือศาสนาคริสต์ นิกายโรมันคาทอลิก แล้วก็อาจจะมีอาฟเตอร์สักที่หนึ่ง อาจจะกลางวันหรือเย็นก็ได้ ส่วนพี่วาวเป็นพุทธก็อาจจะจัดสองแบบ แต่ชาคิดว่าสุดท้ายแล้วเงินทุกบาททุกสตางค์มีคุณค่าหมดแหละ ก็ไม่อยากจะเสียเงินเยอะ อยากเก็บไว้สำหรับอย่างอื่นที่มีเหตุผลมากกว่านี้ เช่นเอาไปลงทุนทำอะไรให้อะไรงอกเงยขึ้นมา เอาไปซื้อบ้าน หรือทำอะไรที่จะอยู่กับเราตลอดไป เพราะงานแต่งก็แค่วันหนึ่ง”

คุณแม่ชาว่ายังไงบ้าง?
“คุณแม่ชาโอเคค่ะ เพราะท่านเป็นคนง่าย ๆ ใจดีอยู่แล้ว เขาก็มีมุมที่เป็นห่วงเราหลายเรื่อง แต่ก็เคารพการตัดสินใจของเรา เพราะว่าเราโตแล้ว อายุ 30 แล้ว ไม่ได้มานั่งห้ามอะไรเยอะ แต่ถ้ามีเรื่องไหนที่ห้าม เราก็ค่อนข้างเป็นลูกที่ค่อนข้างเชื่อฟังพ่อแม่นะคะ แต่ถ้าเรื่องไหนที่เรารัก เราชอบ ไม่ได้ไปเบียดเบียนคนอื่น เขาก็โอเค”


กับครอบครัวพี่วาว อย่างที่มีข่าวก่อนหน้านี้ที่มีข่าวว่าไม่ปลื้มนํ้าชา และไม่เคยรับรู้เรื่องแต่ง?
“ด้วยอายุที่ห่างกันค่อนข้างมาก กับพี่วาวก็ห่างกัน 14 ปีแล้ว และพี่วาวมีพี่สาวและคุณแม่ ชาก็เคารพทุกคนในครอบครัวพี่วาว จริง ๆ มีการนัดเจอกันหลายครั้งแล้ว ทั้งกับชาและครอบครัวชา แต่พี่วาวบินไปเมืองนอกทุกเดือน แล้วคุณแม่ท่านก็ป่วยและอายุมากแล้ว ชาก็งานยุ่งมาก เลยคิวไม่แมตช์กัน จริง ๆ พี่วาวเคยพูดกับชาว่าทางคุณแม่อายุมากแล้ว ถ้าเค้าตกลงจะใช้ชีวิตกับใครจริงจัง คงต้องสัก 2-3 ปีเป็นอย่างต่ำ เราก็คบกันมา 2 ปีเนอะ การที่มาขอชาแต่งงานก็ค่อนข้างเร็วเกินกว่าที่คุณแม่จะไว้วางใจแต่พี่วาวก็ยืนยันได้ว่าแหวนก็มาจากคุณแม่จริง ๆ แล้วคุณแม่ก็รับรู้แล้ว”

วาวให้กำลังใจเรายังไงบ้าง?
เขาให้กำลังใจเราทุกคำ บอกรักเรา บอกให้เราสู้ ๆ ชาว่าพี่เขาในฐานะคนกลางก็ค่อนข้างอึดอัดค่ะ นั่นก็คุณแม่ นี่ก็แฟน แต่เดี๋ยวก็ผ่านไปได้ เชื่อว่ารักแท้ต้องมีอุปสรรคนิดนึงเนาะ (หัวเราะ) แค่ข่าวที่ไม่เกิดขึ้นจริง ส่วนชาเดี๋ยวก็ดีขึ้น ชาสตรองอยู่แล้ว”

จริง ๆ กว่าจะมาถึงวันนี้ฝ่าฟันอะไรกันมาเยอะไหม?
“เยอะนะคะ เพราะก่อนหน้านี้เราเป็นตัวของเราค่อนข้างสูง แต่มาถึงจุดนี้ เราพยายามจูนให้ทุกอย่างมาอยู่ตรงกลาง มองหลาย ๆ มุม มากขึ้น ใช้ความเข้าใจเป็นหลัก ชาคิดว่าทุกคู่มีเรื่องราวหมดแหละ ไม่มีใครเกิดมาชีวิตไม่มีปัญหา เพียงแต่ปัญหาของคนเราไม่เหมือนกันเท่านั้นเอง ชีวิตคู่ต้องมีอะไรมาทดสอบเราอยู่เรื่อย ๆ ในรูปแบบที่ต่างกัน เพราะฉะนั้นเราต้องผ่านไปให้ได้ครอบครัวก็คือคนสำคัญในชีวิตแหละ แต่สุดท้ายแล้ว ชีวิตคู่ก็คือเรื่องของคนสองคน ถ้าไม่ได้มีปัญหาอื่น ๆ ที่ทำให้เราเดินต่อไม่ได้”

ความรักครั้งนี้ดูชานิ่งขึ้นมากเลยนะ?
“ชารู้สึกว่าเขาจูนให้ชาอยู่นิ่งได้ ก็ดีนะ เพราะเขาเป็นผู้ใหญ่ โตกว่าชาสิบกว่าปี เลยไม่มีอารมณ์สะทกสะท้านอะไรเท่าไหร่ จากอารมณ์สวิงของเรา ก็จะน้อยลงจนนิ่ง”

ชอบคำหนึ่งที่นํ้าชาเขียนในไอจีว่าความรักสำหรับชาไม่เคยง่าย?
“จริง ๆ ก็ไม่เคยง่าย และคิดว่าไม่ใช่แค่ชาหรอก หลาย ๆ คนก็ต้องเรียนรู้ ทุกวันนี้ชายังคงต้องเรียนรู้อยู่ ทุกวันเป็นวันใหม่ มีเรื่องใหม่ ๆ ที่เราต้องผ่านไปให้ได้”.
..............................................................
นฤมล แซ่แต้ : เรื่อง / สันติ มฤธนนท์ : ภาพ