'ครูปุ้ม'พร้อมอภัย 'ครูชลธี'ย้ำมีหลักฐานทำร้ายร่างกาย!
บันเทิง
Webmaster
2019-05-19 14:24:00
48
Webmaster
2019-05-19 14:24:00
48
-
สนับสนุนเนื่อหา
กำลังเป็นประเด็นที่ชาวเน็ตให้ความสนใจอยู่ขณะนี้ทีเดียว สำหรับกรณีที่ ครูชลธี ธารทอง ครูเพลงลูกทุ่งชื่อดังและศิลปินแห่งชาติ ได้ออกมาแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนว่าจะฟ้องหย่า ครูปุ้ม ภรรยาที่อยู่กินกันมาเกือบ 30 ปี เพราะถูกทำร้ายร่างกาย อันเกิดจากการหึงหวงและมีแพลนแต่งงานกับสาวคนสนิทรุ่นหลาน ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ความคืบหน้าล่าสุด ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาที่ จ.กาญจนบุรี ครูปุ้ม ได้ออกมาเปิดใจกับสื่อมวลชนถึงกรณีที่เกิดขึ้นว่า ต้นทราบเรื่องของครูชลธีและผู้หญิงคนใหม่มาประมาณ 2 ปีแล้ว ซึ่งหลังจากทราบเรื่องก็มีปากเสียงกันบ้างเป็นบางครั้ง แต่ไม่เคยพูดกับสื่อมวลชนเพราะเกรงว่าจะทำให้ครูชลธีเสื่อมเสียชื่อเสียง แต่ล่าสุดที่ครูชลธีให้สัมภาษณ์ว่าจะฟ้งหย่าตนที่มีพฤติกรรมทำร้ายร่างกาย หึงหวงด่าทอบุพการีของครูชลธีนั้น ตนขอยืนยันว่าไม่เป็นความจริงทุกประเด็น มันไม่มีทางเป็นไปได้เพราะตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกันมา ตนดูแลและรักครูมากที่สุดในชีวิต แม้จะมีบ้างที่ทะเลาะกัน แต่ก็ไม่เคยถึงขั้นใช้ความรุนแรง"
"จริงๆตนพร้อมที่จะคุยและปรับความเข้าใจกับครูชลธี แม้ตอนนี้จะเสียใจและเสียความรู้สึกกับเรื่องที่เกิดขึ้น แต่ก็ยังพร้อมที่จะให้อภัยครูชลธีเสมอ หากครูชลธีคิดได้และกลับใจ”
ความคืบหน้าล่าสุด ครูชลธี ได้เปิดเผยกับสื่อมวลชนว่า “ที่เขาให้สัมภาษณ์ว่าไม่ได้ทำร้ายร่างกายก็ไม่เป็นไรหรอกมันมีหลักฐาน รูปถ่ายไว้เต็มไปหมด ซึ่งหลักฐานทำร้ายร่างกายเรามีหมด จริงๆมันมีหลายอย่างที่พูดไม่ได้ก็ไปพูดที่ศาล ศาลจะตัดสินเองว่าโกหกหรือเปล่า ผมยอมรับว่าออกจากบ้านมาปีกว่าแล้วและเกดก็ไม่ได้ปอกลอกผม ที่พูดแบบนี้มันมุสาชัดๆ เขามาช่วยด้วยความเคารพ เงินให้เขายังไม่เอาเลย ที่สำคัญผมเองก็ไม่ได้มีสมบัติมีแค่เงินศิลปินแห่งชาติและค่าลิขสิทธิ์เพลงเท่านั้น ผมเองไม่ได้หลงลืมด้วย ถ้าหลงลืมเหมือนที่วิจารณ์กันแล้วผมจะแต่งเพลงได้ยังไง แต่เรื่องบางเรื่องก็ไม่อยากจำ”
“สำหรับวันขึ้นศาล 10 มิ.ย.นี้ก็จะมีการตัดสินเลย ผมฟ้องหย่าครูปุ้มเพราะอยู่ด้วยกันไม่ได้จริงๆ จะฆ่ากันตายและผมก็พร้อมเจอหน้า ผมไม่กลัวใคร หย่าแน่นอน ซึ่งที่เขาให้สัมภาษณ์ว่ายังรักผมอยู่ก็ให้เขารักไปเหอะ ถ้ารักผมจริงจะไม่ทำแบบนี้และเย็นนี้เขาจะแถลงข่าวก็เชิญ แต่ถ้ามาพูดถึงผม ผมฟ้องซ้ำนะ สำหรับผมกับครูปุ้มไม่เหลืออะไรแล้วเขาประจานผมจนเป็นโจ๊กแบบนี้ คนเป็นครูไม่ควรพูดแบบนี้”
ครูเพลงคนดัง กล่าวต่อว่า “ก็อยากฝากถึงคนที่ไม่ชอบหน้าผมว่าอย่าฟังความข้างเดียวแล้วมาด่าผมแรงๆในโซเชียล เรามีเกียรติ อย่าตัดสินใจกันแค่ฝั่งเดียว ก็ช่วยฟังหูไว้หู ไม่ต้องเชื่อผมทั้งหมดก็ได้ แต่ให้ดู 50 ปีในวงการของผมผมทำอะไรบ้าง ผมมีแต่ให้ ให้ทั้งหมด ให้อย่างเดียว”
ด้าน เกด เผยว่า “เรื่องนี้กระทบกับเกดแน่นอน ขนาดตอนนี้แม่อยู่ รพ.ยังไม่กล้าไปเยี่ยมเลยกลัวท่านถาม อีกอย่างเรื่องปอกลอกเกดขอบอกอีกครั้งว่าไม่จริง เราทำงานมาตั้งแต่เด็ก ไม่เคยเดือดร้อนพ่อแม่เลย มีแต่ทำงานเก็บเงินให้พ่อแม่คือเรามีมือมีเท้า ส่วนเรื่องการถอนตัวออกจากครู จริงๆมันเป็นโอกาสที่จะได้ดูแลครู เราเคารพครูเหมือนลูกศิษย์คนอื่นๆ และหนูก็ปฏิบัติกับครูเหมือนลูกศิษย์ทั่วไป คนอื่นก็ดูแลครูเหมือนกัน แน่นอนกระแสตอนนี้มันมีมาเยอะ แต่อ่านแล้วไม่เป็นความจริง เราก็มีเสียใจบ้าง แต่การถอนตัวออกมาก็อยู่ที่ครู หนูไม่มีสิทธิ์บังคับครูได้”
ผู้สื่อข่าวถามต่อไปว่า ตอนนี้เกดมีคนคุยหรือมีครอบครัวหรือเปล่า คนสนิทครูชลธี ตอบว่า “ตอนนี้ไม่มี ยังโสดค่ะก็อยู่กับหลานๆและเพื่อน หนูบอกเลยว่าไม่ตอบโต้ใคร อยู่ดูแลครอบครัวดีกว่าและถ้าจะมีคนขุดคุ้ยอะไรของหนูมันห้ามไม่ได้ ชีวิตมันต้องดำเนินต่อไป ส่วนเรื่องการพักของครูตอนนี้ครูก็มาพักที่บ้านอาของเกดที่ จ.ปทุมธานี เพราะตอนนี้ต้องไปสัมภาษณ์ในหลายๆที่”
ขอบคุณภาพประกอบจากรายการ ศึกน้ำผึ้งพระจันทร์
ความคืบหน้าล่าสุด ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาที่ จ.กาญจนบุรี ครูปุ้ม ได้ออกมาเปิดใจกับสื่อมวลชนถึงกรณีที่เกิดขึ้นว่า ต้นทราบเรื่องของครูชลธีและผู้หญิงคนใหม่มาประมาณ 2 ปีแล้ว ซึ่งหลังจากทราบเรื่องก็มีปากเสียงกันบ้างเป็นบางครั้ง แต่ไม่เคยพูดกับสื่อมวลชนเพราะเกรงว่าจะทำให้ครูชลธีเสื่อมเสียชื่อเสียง แต่ล่าสุดที่ครูชลธีให้สัมภาษณ์ว่าจะฟ้งหย่าตนที่มีพฤติกรรมทำร้ายร่างกาย หึงหวงด่าทอบุพการีของครูชลธีนั้น ตนขอยืนยันว่าไม่เป็นความจริงทุกประเด็น มันไม่มีทางเป็นไปได้เพราะตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกันมา ตนดูแลและรักครูมากที่สุดในชีวิต แม้จะมีบ้างที่ทะเลาะกัน แต่ก็ไม่เคยถึงขั้นใช้ความรุนแรง"
"จริงๆตนพร้อมที่จะคุยและปรับความเข้าใจกับครูชลธี แม้ตอนนี้จะเสียใจและเสียความรู้สึกกับเรื่องที่เกิดขึ้น แต่ก็ยังพร้อมที่จะให้อภัยครูชลธีเสมอ หากครูชลธีคิดได้และกลับใจ”
ความคืบหน้าล่าสุด ครูชลธี ได้เปิดเผยกับสื่อมวลชนว่า “ที่เขาให้สัมภาษณ์ว่าไม่ได้ทำร้ายร่างกายก็ไม่เป็นไรหรอกมันมีหลักฐาน รูปถ่ายไว้เต็มไปหมด ซึ่งหลักฐานทำร้ายร่างกายเรามีหมด จริงๆมันมีหลายอย่างที่พูดไม่ได้ก็ไปพูดที่ศาล ศาลจะตัดสินเองว่าโกหกหรือเปล่า ผมยอมรับว่าออกจากบ้านมาปีกว่าแล้วและเกดก็ไม่ได้ปอกลอกผม ที่พูดแบบนี้มันมุสาชัดๆ เขามาช่วยด้วยความเคารพ เงินให้เขายังไม่เอาเลย ที่สำคัญผมเองก็ไม่ได้มีสมบัติมีแค่เงินศิลปินแห่งชาติและค่าลิขสิทธิ์เพลงเท่านั้น ผมเองไม่ได้หลงลืมด้วย ถ้าหลงลืมเหมือนที่วิจารณ์กันแล้วผมจะแต่งเพลงได้ยังไง แต่เรื่องบางเรื่องก็ไม่อยากจำ”
“สำหรับวันขึ้นศาล 10 มิ.ย.นี้ก็จะมีการตัดสินเลย ผมฟ้องหย่าครูปุ้มเพราะอยู่ด้วยกันไม่ได้จริงๆ จะฆ่ากันตายและผมก็พร้อมเจอหน้า ผมไม่กลัวใคร หย่าแน่นอน ซึ่งที่เขาให้สัมภาษณ์ว่ายังรักผมอยู่ก็ให้เขารักไปเหอะ ถ้ารักผมจริงจะไม่ทำแบบนี้และเย็นนี้เขาจะแถลงข่าวก็เชิญ แต่ถ้ามาพูดถึงผม ผมฟ้องซ้ำนะ สำหรับผมกับครูปุ้มไม่เหลืออะไรแล้วเขาประจานผมจนเป็นโจ๊กแบบนี้ คนเป็นครูไม่ควรพูดแบบนี้”
ครูเพลงคนดัง กล่าวต่อว่า “ก็อยากฝากถึงคนที่ไม่ชอบหน้าผมว่าอย่าฟังความข้างเดียวแล้วมาด่าผมแรงๆในโซเชียล เรามีเกียรติ อย่าตัดสินใจกันแค่ฝั่งเดียว ก็ช่วยฟังหูไว้หู ไม่ต้องเชื่อผมทั้งหมดก็ได้ แต่ให้ดู 50 ปีในวงการของผมผมทำอะไรบ้าง ผมมีแต่ให้ ให้ทั้งหมด ให้อย่างเดียว”
ด้าน เกด เผยว่า “เรื่องนี้กระทบกับเกดแน่นอน ขนาดตอนนี้แม่อยู่ รพ.ยังไม่กล้าไปเยี่ยมเลยกลัวท่านถาม อีกอย่างเรื่องปอกลอกเกดขอบอกอีกครั้งว่าไม่จริง เราทำงานมาตั้งแต่เด็ก ไม่เคยเดือดร้อนพ่อแม่เลย มีแต่ทำงานเก็บเงินให้พ่อแม่คือเรามีมือมีเท้า ส่วนเรื่องการถอนตัวออกจากครู จริงๆมันเป็นโอกาสที่จะได้ดูแลครู เราเคารพครูเหมือนลูกศิษย์คนอื่นๆ และหนูก็ปฏิบัติกับครูเหมือนลูกศิษย์ทั่วไป คนอื่นก็ดูแลครูเหมือนกัน แน่นอนกระแสตอนนี้มันมีมาเยอะ แต่อ่านแล้วไม่เป็นความจริง เราก็มีเสียใจบ้าง แต่การถอนตัวออกมาก็อยู่ที่ครู หนูไม่มีสิทธิ์บังคับครูได้”
ผู้สื่อข่าวถามต่อไปว่า ตอนนี้เกดมีคนคุยหรือมีครอบครัวหรือเปล่า คนสนิทครูชลธี ตอบว่า “ตอนนี้ไม่มี ยังโสดค่ะก็อยู่กับหลานๆและเพื่อน หนูบอกเลยว่าไม่ตอบโต้ใคร อยู่ดูแลครอบครัวดีกว่าและถ้าจะมีคนขุดคุ้ยอะไรของหนูมันห้ามไม่ได้ ชีวิตมันต้องดำเนินต่อไป ส่วนเรื่องการพักของครูตอนนี้ครูก็มาพักที่บ้านอาของเกดที่ จ.ปทุมธานี เพราะตอนนี้ต้องไปสัมภาษณ์ในหลายๆที่”
ขอบคุณภาพประกอบจากรายการ ศึกน้ำผึ้งพระจันทร์
