"โก้-วศิน"พระเอกหน้าใส จริงจังจริงใจกับทุกสิ่งที่ลงมือทำ
บันเทิง
ขึ้นแท่นพระเอก ช่อง 7 เต็มตัวในละคร “ขิงก็ราข่าก็แรง” เป็นยังไงบ้าง?
“ดีใจนะครับ ที่ได้รับโอกาสให้รับบทนำในละครเรื่องนี้ อยากให้ทุก ๆ คน ให้กำลังใจและติดตามกันต่อไป ก่อนหน้านี้จริง ๆ เคยได้เป็นพระเอกมาบ้าง แต่ไม่ใช่ละครของช่อง 7 ครับ สำหรับละครเรื่องนี้เป็นละครรีเมคก็จริงแต่เป็น ขิงก็ราข่าก็แรงในเวอร์ชั่นที่เป็นเอกลักษณ์ของเราเอง ด้วยยุคสมัยที่เปลี่ยนละครก็ต้องอัพเดทให้ทันด้วย ทุกคนทั้งทีมนักแสดง ทีมงานทุกคนตั้งใจทำกันมาก พอออนแอร์ไปก็ได้รับกระแสตอบรับที่ดีเกินคาด ก็อยากให้ติดตามกันต่อไปครับ รับรองว่าไม่ผิดหวังอย่างแน่นอน”
คำว่า “พระเอก” ทำให้เรากดดันขึ้นไหม?
“แน่นอนอยู่แล้วครับ แต่คำว่าพระเอก คือ ผมก็พยายามหาจุดที่เป็นพระเอกในรูปแบบของผม เป็นตัวของตัวเอง ไม่ได้ต้องดูคาแรกเตอร์ของพระเอกคนอื่น หรืออยากเป็นเหมือนคนอื่น ๆ เพราะผมเชื่อว่าการเป็นตัวเองจะทำให้เราอยู่ได้นานกว่าการต้องพยายามเป็นเหมือนคนอื่นเพราะยังไงเราก็เป็นแบบนั้นได้ไม่นานอยู่แล้ว ทุกวันนี้ยิ่งได้รับบทที่สำคัญมากขึ้นผมก็ทำการบ้านหนักขึ้นทั้งเรื่องของวิธีตีความบท การนำเสนอผ่านตัวละครออกไปว่า ควรจะตีความและนำเสนออย่างไรให้ดีที่สุดครับ”
แล้วพระเอกแบบโก้-วศิน เป็นยังไง?
“จริงใจ จริงจัง ครับ หมายถึง จริงใจกับคนรอบตัว จริงใจและจริงจังต่อการทำงาน ผมให้ความสำคัญต่อการสร้างรอยยิ้มให้คนรอบตัวมากกว่าจะรอให้คนอื่น ๆ มาทำให้เรามีความสุขอย่างเดียว ซึ่งผมก็ปฏิบัติแบบนั้นมาโดยตลอดและผมก็มีความสุขแบบนี้ครับ”
อยู่ในวงการมานานแค่ไหนแล้ว?
“ โห น่าจะ 7-8 ปีแล้วครับ ก็ถือว่ากำลังเข้าที่เหมือนกันเพราะว่าที่ผ่านมามีโอกาสได้ลองทำงานในวงการในหลาย ๆ รูปแบบ ต้องขอบคุณทุกคนที่ให้โอกาสที่เข้ามาทำให้ผมยังอยู่ในวงการได้เรื่อย ๆ แบบนี้ และผมก็จะตั้งใจทำทุกโอกาสให้ดีครับ”
ประสบการณ์ในวงการทำให้ตัวตนของเราเปลี่ยนไปบ้างหรือเปล่า?
“ไม่นะครับ คือ สมัยนี้อาจจะมีบางคนที่เพิ่งเข้าวงการมาก็ดังในข้ามคืนเลย แต่ผมไม่ใช่ ผมก็เรื่อย ๆ ของผมมาแบบนี้ตลอด ซึ่งผมถือว่าผมโชคดีที่ผมได้ค่อย ๆ ก้าวมาเรื่อย ๆ เพราะมีเวลาให้เราได้ปรับตัวกับทุกสิ่งที่เจอ ไม่ใช่ว่าดังข้ามคืนแล้วจู่ ๆ ต้องมาดีลกับเรื่องที่ไม่เคยเจอ ทั้งเรื่องชื่อเสียง หรือ กระแสวิจารณ์อะไรก็ตามครับ ผมว่าเป็นแบบนี้ดีแล้ว”
นอกจากเป็นพระเอกแล้วยังเป็นมือกีตาร์ในวง “รูฟท็อป” (Rooftop) ด้วย?
“ใช่ครับ เพลงล่าสุดที่เพิ่งปล่อยก็เป็นเพลง “แค่เพียงบอก” ซึ่งกระแสตอบรับดีมาก การปล่อยเพลงก็จะออกมาตามช่วงเวลาเพราะมีบางช่วงที่ผมต้องให้คิวละครถึง 7-8 เดือน ซึ่งเราก็ต้องทุ่มและตั้งใจกับงานละครให้เต็มที่ และเมื่อเสร็จจากคิวละครก็ไปลุยต่อในด้านเพลง จริง ๆ ก่อนหน้าจะขึ้นมารับบทพระเอก คือ เราก็ไม่ได้ต้องถ่ายทำหนักขนาดนี้ยังพอมีเวลาไปทำงานเพลงมากขึ้น แต่พอขึ้นมาเป็นพระเอกแล้ว การยืนหนึ่งเป็นตัวหลัก เราเข้าแทบทุกฉากฉะนั้นเวลาเราจะน้อยมากเลย เรียกว่าไม่มีเวลาไปทำอย่างอื่นเลย ดังนั้นการจัดสรรเวลาก็เป็นเรื่องที่วางแผนยากมาก ต้องหาช่วงเวลาที่ลงตัวให้ได้ แต่โชคดีที่ บี๊บ-ศิรสัณฑ์ หอวิจิตร เพื่อนในวงเขาเข้าใจการทำงานของเรา เพราะทางบี๊บ เองเขาก็มีงานส่วนตัวของเขาด้วย ต่างฝ่ายก็ต่างทำหน้าที่ในช่วงที่ตัวเองสามารถทำได้ให้ดีที่สุด”
ในเมื่องานแสดงก็หนักและกำลังไปได้ดีทำไมไม่เบรกงานเพลงไว้ก่อน?
“งานดนตรี เป็นงานที่ผมชื่นชอบและรักมาตั้งแต่เด็ก ๆ ถ้าถามว่าทำอะไรแล้วมีความสุขก็คงจะเป็นการเล่นดนตรีนี่แหละตอนเด็ก ๆ ผมก็มีรวมวงกับเพื่อน ๆ ไปโชว์ตามงานโรงเรียนบ้าง ผมว่าผมแฮปปี้มากที่ได้อยู่กับดนตรี พอเราโตมาถ้ามันมีโอกาสที่เราได้ทำในสิ่งที่เรามีความสุขและสิ่งนั้นก็เป็นงานได้จริง ๆ ก็เป็นเรื่องที่ดี ผมก็เลยทำควบคู่กันมา ซึ่งตอนนี้ถึงจะมาด้านการแสดงเยอะหน่อยแต่ก็ยังไม่ทิ้งงานเพลง ยังคงทำเพลงอยู่ เดี๋ยวจะปล่อยเพลงใหม่ที่ผมเป็นคนแต่งเองด้วยแต่จะออกมาเป็นยังไงต้องติดตามกัน เพราะตอนนี้ผมถ่ายละครจบแล้ว ก็มีเวลาลุยกับงานเพลงต่อครับ”
วง รูฟท็อป จากเดิมที่เป็นวงดนตรีมี 5 คน แต่ตอนนี้เหลือแค่ 2 คน เราเคยมีช่วงเวลาที่ท้อ หรือไม่อยากไปต่อบ้างไหม?
“จริง ๆ สำหรับผม การควบงาน 2 อย่างมันหนักมากก็จริง แต่ถ้าเรามีโอกาสได้ทำเราก็ควรจะทำมากกว่า เพราะไม่ใช่ทุกคนที่เขาจะได้โอกาสแบบนี้ แต่ถ้าเราได้โอกาสแล้วเราทิ้งไป ผมเสียดายแทนคนที่เขาอยากทำแต่ไม่ได้ทำ ซี่งตัวผมเองถึงผมจะเหนื่อยแต่ผมสนุก สนุกกับทุก ๆ วันที่ได้ทำงาน เพราะงานของเราไม่มีอะไรที่จำเจ หรือน่าเบื่อเลยสักวันและนั่นคือแรงบันดาลใจที่ทำให้เราสามารถมีแรงทำงานทุกอย่างต่อไป เรื่องความเหนื่อยความท้อผมว่าทุก ๆ คนมีเหมือนกันหมด แต่สำหรับผมผมจะพยายามมองโลกในแง่ดีเข้าไว้ เพื่อไม่ให้จิตใจเรามันหนัก เพราะถ้างานหนักแล้วใจเราต้องมาหนักอีกคงไม่ไหว ทุกอย่างอาจจะพังหมด จริง ๆ เราทำวงมาก็นานแต่อาจจะไม่ได้โด่งดังหวือหวามากนัก จนจากสมาชิก 5 คน เหลือ 2 คน และที่ผมยังยืนยันว่าจะทำต่อเพราะว่าผมยังรู้สึกมีความสุขที่จะทำอยู่เท่านั้นเอง งานเพลงอาจจะไม่ได้ดังมาก ไม่ได้ทำเงินให้เรามากขนาดนั้นแต่ถ้าเป็นความสุขของเรา เราก็ยอมครับ”
เต็มที่กับงานมากแล้วเรื่องความรักล่ะมีเวลาให้หวานใจบ้างหรือเปล่า?
“เวลาที่ให้กับเรื่องความรักนี่แล้วแต่ช่วงเวลาเลย บางช่วงก็มีเวลาให้เขาน้อยมาก เพราะอย่างที่บอกแค่ถ่ายละครก็แทบไม่มีเวลาไปทำอย่างอื่นแล้ว แต่ความรักก็ไม่ได้มีปํญหาอะไรเพราะเขาเองค่อนข้างเข้าใจผม และค่อนข้างซัพพอร์ตเราในหลาย ๆ อย่าง รวมทั้งดูแลเทคแคร์เราดีด้วยทั้งทางจิตใจและสุขภาพครับ (ยิ้ม) ตัวผมเองก็พยายามแบ่งเวลาให้เขา พยายามทำให้ดีที่สุดที่เราสามารถทำได้เพื่อความลงตัวที่สุดครับ”
คบกันมานานแค่ไหนแล้ว?
“ประมาณ 2 ปี ครึ่งครับ ทุกอย่างก็ค่อนข้างลงตัว เวลาอยู่ด้วยกันก็แฮปปี้ดีมีความสุข ก็ถือว่าเขาเป็นคนที่ตรงสเปก ทางครอบครัวผมเองก็มีพาไปเจอกันบ้างตามปกติ ซึ่งทุกคนก็โอเค แฮปปี้ครับ”
เรามีมุมมองเกี่ยวกับความรักยังไงบ้าง?
“ผมว่าความรักคงเป็นการเสียสละ ยอมทำในสิ่งที่เราไม่เคยคิดมาก่อน และเป็นสิ่งที่ทำให้เราค้นพบตัวเองในเวอร์ชั่นที่ดีกว่า สำหรับผมก็ทำให้ดีที่สุดครับ อย่างการเป็นนักแสดง เป็นพระเอกก็ไม่ใช่เรื่องผิดที่เราจะมีแฟน เพราะโลกตอนนี้เปิดกว้างมากแล้ว ทุกคนเข้าใจในเรื่องนี้ ไม่จำเป็นต้องปิดบังอะไร ยิ่งถ้าเราไปปิด ก็จะทำให้คนที่เขาเป็นแฟนเรารู้สึกไม่ดี เราก็ทำหน้าที่การงานของเราให้ดี และดูแลความรักให้ดีควบคู่กันไปครับ”
สุดท้ายให้ฝากถึงแฟน ๆ ที่คอยให้กำลังใจเราหน่อย?
“ผมต้องขอบคุณทุกคนที่คอยติดตาม สนับสนุนและให้กำลังใจเสมอมาครับ ผมก็จะตั้งใจทำทุกโอกาสออกมาให้เต็มที่ที่สุดเพื่อผู้ชมครับ”
ทุ่มเท จริงจัง และจริงใจต่อการทำงานแบบนี้ แฟน ๆ ก็อย่าลืมติดตามชมและสนับสนุนผลงานของพระเอกหน้าใสคนนี้กันเยอะ ๆ นะจ๊ะ.
...........................................................
เอสพี 1991