ข่าวทำความรู้จัก "ดี เจอร์ราร์ด" ศิลปินมากความสามารถน่าจับตามอง - kachon.com

ทำความรู้จัก "ดี เจอร์ราร์ด" ศิลปินมากความสามารถน่าจับตามอง
บันเทิง

photodune-2043745-college-student-s

เส้นทางสายดนตรีที่ไม่ได้มาด้วยโชคชะตา แต่เกิดขึ้นจากใจรักในการทำเพลงบวกกับความสามารถคือจุดเริ่มต้นของนักร้องหนุ่มลูกเสี้ยวไทย โปรตุเกส ศรีลังกา อย่าง บิ๊ก-อุกฤษ วิลลีย์ บรอด ดอนกาเบรียลหรือที่แฟน ๆ รู้จักในชื่อ ดี เจอร์ราร์ด” (D GERRARD) วัย 25 ปี ผู้เคยผ่านเวทีแข่งขันรายการ “ดิ เอ็กซ์ แฟกเตอร์ ไทยแลนด์” (The X Factor Thailand) ปี 2017 ที่ออดิชั่นเพลง “ไม่เหมือนใคร” (Unique) ซึ่งบิ๊กแต่งเนื้อร้อง ทำนองดนตรีด้วยตัวเอง แม้ตกรอบไปแต่เจ้าตัวก็เดินหน้าทำเพลงต่อโดยมีผลงาน อาทิ  ไม่ได้เจ้าชู้, เธอในฝัน, เอิงเอย ก่อนก้าวสู่การเป็นศิลปินเต็มตัวในค่าย เวย์เฟอร์ เรคอร์ดส์ (Wayfer Records) สังกัด วอร์นเนอร์ มิวสิค ประเทศไทย มีผลงานเพลงเพราะและประสบความสำเร็จไม่ว่าจะเป็น กาแล็คซี่ (GALAXY), กลัวแฟน (feat. เจนนิเฟอร์ คิ้ม), แมงเม่า, บ้านนอก, Casanova Boy , Hey Bae และล่าสุด มากับบิ๊ก” (feat. OG-ANIC) วันนี้ฮันนี่มีโอกาสนั่งคุยกับหนุ่มมากความสามารถคนนี้ที่ไม่ปล่อยให้ความฝันในการเป็นศิลปินหลุดลอยไปแต่เดินหน้าคว้าและทำมันออกมาได้ดีจนปัจจุบัน ทำความรู้จักหนุ่มคนนี้กันได้เลยนะคะ

ย้อนกลับไปยังช่วงวัยเด็กของบิ๊กเป็นอย่างไรบ้าง?
“ผมเป็นลูกเสี้ยวครับ คือคุณพ่อผมเป็นลูกเสี้ยวโปรตุเกส ศรีลังกา แต่คุณแม่เป็นคนไทย จ.พัทลุง ผมเกิดที่กรุงเทพฯ แต่โตมากับยายที่ จ.พัทลุง แล้วค่อยเข้ามาเรียนต่อที่กรุงเทพฯ อีกครั้ง ผมจบ ม.6 จากโรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ์ แล้วสอบเข้าปริญญาตรี ภาควิชาธรณีวิทยา คณะวิทยา ศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เพราะครอบครัวทำธุรกิจอัญมณี แต่เรียนได้ 2 ปี ก็รู้สึกไม่ชอบ ผมจึงเปลี่ยนมาเรียนมหาวิทยาลัยกรุงเทพ ภาคอินเตอร์ จุดเริ่มต้นที่ทำให้เราชอบร้องเพลงและดนตรี คงมาจากการที่ครอบครัวผมชอบร้องคาราโอเกะคลายเครียด ซึมซับตรงนี้ เราถึงรู้ตัวว่าร้องเพลงได้นะ แม่เลยให้ผมไปเรียนร้องเพลง ตอนนั้นอายุ 7-8 ขวบ ด้วยความที่ผมเป็นคนใจร้อน แม่มองว่าดนตรีอาจช่วยให้เราใจเย็นลง อีกอย่างผมมีโรคประจำตัว หอบหืด ภูมิแพ้ หายใจลำบาก แม่เลยให้เรียนแซ็กโซโฟนช่วยบริหารปอดมากขึ้น ทำให้ผมมีความรู้เรื่องโน้ตดนตรี ก่อนเรียนกีตาร์ตอนอายุ 14 ปี ก็เริ่มประกวดดนตรีงาน วันโรงเรียน เป็นจุดเริ่มต้นที่ได้ลองเขียนเพลงถึงแม่นั่นเองครับ”

จากนั้นคุณก็เริ่มลองประกวดร้องเพลงจนได้เป็นศิลปินในวันนี้?
 “จุดเริ่มต้นจริง ๆ คือหลังเรียนจบ ผมไปบวชพระ ทั้งที่ตัวเองนับถือศาสนาคริสต์นะ เพราะผมอยากรู้ว่าการบวชพระเป็นยังไง ก็ได้ฝึกสมาธิใจเย็นลง สึกมาก็อยากลองทำในสิ่งที่ฝันไว้คือการเป็นนักร้อง เพราะตอนเด็ก ๆ ผมเป็นคนไม่ค่อยมีเพื่อน ชอบเล่นกีตาร์ ร้องเพลง เสียงดนตรีจึงเหมือนเพื่อนของผม ร้องให้คนรอบตัวฟังเขาชอบบอกว่าดี เราก็คิดเล่น ๆ ว่าถ้าลองร้องให้คนทั้งประเทศฟังจะมีสักกี่คนที่ชอบครับเลยเริ่มลองประกวดเดอะวอยซ์ แต่ไม่ผ่านรอบออดิชั่น 5 ครั้ง ค่อยมาประกวด “ดิ เอ็กซ์ แฟกเตอร์ ไทยแลนด์” ใช้เพลงที่แต่งเองประกวดคือเพลง “ไม่เหมือนใคร” ซึ่งก็ไม่ได้ผ่านเข้ารอบลึก แต่หลังจากจบการแข่งขันก็มีค่ายเพลงติดต่อผมมานั่นคือค่ายเวย์เฟอร์ เรคอร์ดส์ แล้วก็ทำงานร่วมกันมาจนปัจจุบันครับ

ตอนเริ่มต้นทำงานเพลงในฐานะศิลปินเป็นยังไงบ้าง แล้วตอนนี้ชีวิตของบิ๊กเปลี่ยนแปลงไปแค่ไหน?
“ก็เหนื่อยเหมือนกันนะครับ เพราะภาพที่คิดไว้ ก็แค่ทำเพลง คนฟังแล้วจบ แต่ที่จริงมีอะไรมากกว่านั้น เล่นคอนเสิร์ต ทำงานให้ออกมาดี คิดเพลงใหม่ ซึ่งตอนแต่งเพลงเพราะความชอบ เราไม่มีกรอบอะไร แต่พอต้องทำเป็นงานมันก็ยากขึ้นเรื่อย ๆ จากความกดดันต่าง ๆ เมื่อเข้าสู่กระบวนการทำ งานจริง แรก ๆ กังวลว่าเราจะได้ทำงานแบบที่ชอบ มีข้อกำหนดไหม แต่ทางค่ายไม่ตีกรอบเลย ค่ายเชื่อว่าจินตนาการสร้างผลงานที่ดีได้ ถ้าตัวศิลปินอึดอัด ประสิทธิภาพในการสร้างสรรค์งานลดลงแน่นอนจึงให้อิสระทำเพลงเต็มที่ เรายังได้มีอะไรที่คิดออก ไอเดียต่าง ๆ ก็ให้ค่ายช่วยตัดสินใจได้ เพลงแรกที่ทำกับค่ายผมจึงหยิบเพลงที่แต่งเอาไว้นานแล้วอย่าง “กาแล็คซี่” มาทำซึ่งเพลงนี้ที่ทำให้คนรู้จักผมในนาม “ดี เจอร์ราด” ซึ่งที่มาของชื่อนี้ ดี ย่อมาจากนามสกุล ดอนกาเบลียล ส่วน เจอร์ราร์ด คือชื่อผมที่พ่อชอบเรียก จริง ๆ ผมชื่อตามใบเกิดคือ ไบรอัน เจอร์ราร์ด อุกฤษ วิลลีย์ บรอด ดอนกาเบียล นั่นเองซึ่งยาวมาก ตอนเป็นนักเรียนปักชื่อลงบนเสื้อยาวกว่าเพื่อนครับ (หัวเราะ)


คิดไหมว่าเราจะเดินมาได้ไกลขนาดนี้บนเส้นทางดนตรี?
“จากคนธรรมดา มาอยู่ในจุดที่คนรู้จักเรามากขึ้น ก็กำลังหาสมดุลตัวเองให้เจออยู่ครับ แต่จริง ๆ ไม่คิดเลยจะมาถึงจุดนี้ได้ ถึงรู้สึกภูมิใจในตัวเองที่เราไม่ถอดใจจากความผิดหวังที่ตกรอบการประกวดครับ (ยิ้ม) เมื่อก่อนคิดแค่อยากทำเพลงให้คนทั้งประเทศได้ยิน แต่ตอนนี้เมื่อเราได้ทำหน้าที่ศิลปินก็คิดต่อว่าอยากให้คนทั้งโลกได้ยินเพลงเราบ้าง แม้บางครั้งท้อ แต่โชคดียังมีแฟนคลับที่ให้กำลังใจ ผมอยากเห็นศิลปินไทยไปเล่นคอนเสิร์ตต่างประเทศแล้วมีคนต่างชาติให้การยอมรับ นี่จึงเป็นแก่นการทำเพลงของผม

แนวเพลงของบิ๊กมีกลิ่นอายทั้งแจซซ์ ฮิปฮอป แต่เนื้อเพลงกลับมีคำที่สละสลวยเป็นไทยมาก?
“ผมฟังเพลงทุกแนว ถ้าเพลงไทยก็ร็อก เรกเก้ สการ์ แต่เรามีความชอบแจซซ์ที่ฟังได้นาน แต่บ้านเรานิยมเฉพาะกลุ่ม แต่เมื่อความชอบเราคือตรงนี้ จึงทำแนวนี้ออกมา ผมมองว่าดนตรีเป็นแนวเดียวกัน แต่เราไปแบ่งแยกเอง รวมกันอยู่ได้ถ้าสัดส่วนพอดี จนได้สไตล์แจซซ์ แต่เล่าเรื่องแบบฮิปฮอปที่เนื้อร้องลึกซึ้งพรรณามากกว่า คลังคำที่ผมใช้จะมีความไทย สำนวน วลี เพราะผมชอบอ่านหนังสือ เป็นเด็กเนิร์ดที่ไม่ค่อยมีเพื่อน เพราะเด็ก ๆ เราพูดน้อย อ้วนดำ ใส่แว่น เตี้ยที่สุดในห้อง แค่รูปลักษณ์ที่ไม่มีความโดดเด่น ทำให้ผมเขียนเพลงไม่เหมือนใคร ขึ้นมานั่นเอง ทุกเพลงเกิดจากการเรียบเรียงจากชีวิต คนเราฟังเพลงเพราะอยากมีความสุข ผมก็อยากให้เพลงผมทำให้คนฟังรู้สึกแบบนั้นนะ 

ทุกวันนี้ตกผลึกอะไรบ้างจากการทำงานในวงการ?
“ทุกอย่างเพิ่งเริ่มต้นเรายังต้องพิสูจน์ตัวเองอีกมาก ที่สำคัญชื่อเสียงมาเร็วไปเร็วต้องไม่ยึดติด หน้าที่เราคือสร้างสรรค์ผลงานให้คนยอมรับ อนาคตหากมีข่าวดราม่าอะไรมากระทบ ผมมองว่าคือบททดสอบ ถึงตอนนี้ผมจะยังรับมือได้ไม่ดีพอ แต่ต่อจากนี้ไปผมคงจะเงียบและนิ่งให้มากกว่านี้ เอาเวลาไปเขียนเพลงดีกว่า สุดท้ายงานจะเป็นตัวพิสูจน์เอง รวมทั้งดูแลระวังตัวเองมากขึ้นด้วยครับ”

ความรักของบิ๊กตอนนี้มีคนคุยหรือโสด?
“ตอนนี้โสดครับ ที่ผ่านมาเป็นคนมีความรักไม่เกิน 1 ปี แต่เป็นข้อดีที่ทำให้เขียนเพลงรักได้เยอะ (ยิ้ม) คือมันก็มีคนแวะเวียนเข้ามาคุยแต่ก็ยังไม่ได้พัฒนาอะไรมากมาย พักก่อนดีกว่า แต่ถ้าถามว่าชอบผู้หญิงแบบไหน อย่างแรกต้องเข้าใจสิ่งที่ผมทำก่อน เขาต้องอยู่ในโลกของผมได้บ้าง เพราะตัวผมเวลามีแฟนก็อยากมีส่วนร่วมในโลกของเขาเช่นกัน เช่น ถ้าแฟนผมอยากเป็นนายกฯ ผมก็จะเป็นหัวคะแนนให้นะ ไม่ใช่แค่บอก “สู้ ๆ นะที่รัก” แต่ไม่ได้ซับพอร์ตอะไรเราเลย ไม่จำเป็นต้องรู้ชีวิตเรา แต่ต้องอยากเรียนรู้เข้าใจกันบ้าง แบบนั้นมากกว่า”

สุดท้ายฝากถึงคนที่รักและติดตาม?
“ขอบคุณทุกคนที่ทำให้ผมรู้สึกมีค่า ในวันนี้ผมมีงานเพลงที่เป็นความฝันออกมาให้ทุกคนฟัง และทุกคนให้การสนับสนุน ติดตาม ไม่ว่าคุณจะรู้จักผมจากไหนก็ตาม ผมยังมีเรื่องเล่าอีกมากมายในเพลงของผม อยากให้ทุกคนติดตามเป็นกำลังใจให้ผมต่อไปด้วยนะครับ ซึ่งเดือน มิ.ย.นี้ ผมจะปล่อยอัลบั้มเต็ม 14 เพลง และยังมีโปรเจคท์ร่วมงานกับศิลปินเกาหลีอย่าง “บัมคีย์” ที่เป็นความร่วมมือระหว่างวอร์นเนอร์ของเกาหลีและไทยครับ ดีใจมากที่จะได้ร่วมงานกันอยากให้ทุกคนรอติดตามนะครับ” 
      
จากการพูดคุยกับ ดี เจอร์ราร์ด ในครั้งนี้ได้รู้จักตัวตน รวมทั้งมุมมองความคิดในการทำงานของเขามากยิ่งขึ้น หวังว่าแฟน ๆ ที่รักและชื่นชอบผลงานของหนุ่มคนนี้จะได้รู้จักเขามากยิ่งขึ้นและยินดีที่จะมอบกำลังใจและสนับสนุนผลงานของเขาต่อไปในอนาคตด้วยนะคะ.

.........................................................
“ฮันนี่บี”