"ซิลวี่"เปิดใจเคยหลงผิดชีวิตเกือบพัง กลับตัวใหม่เพราะคำสอนแม่
บันเทิง
สร้างความเซอร์ไพร้ส์ให้กับแฟน ๆ ไม่น้อย กับลุคใหม่ของนักร้องสาว ซิลวี่-ภาวิดา มอริจจิ หรือ ซิลวี่ เดอะสตาร์ ที่โชว์ความแซ่บใส่บิกินี อวดรูปในอินสตาแกรม อีกทั้งยอมรับอย่างเปิดเผยว่า ตัวเองเป็นกลุ่มคนที่ความหลากหลายทางเพศ(LGBT) วันนี้ “บันเทิงเดลินิวส์” เลยไม่พลาดที่จะคว้าตัวซิลวี่มาแชร์ประสบการณ์ชีวิตในช่วงที่หลงเดินทางผิด จนทำให้แม่เสียใจที่สุด รวมทั้งจุดเปลี่ยนที่ทำให้เธอกลับตัวกลับใจ เป็นซิลวี่คนใหม่ที่มีชีวิตที่ดีและมีความสุขมากขึ้น
คนเซอร์ไพร้ส์ไม่น้อยกับลุคที่ดูมั่นใจขึ้น
“เหมือนเจอทางของตัวเองด้วย แค่มั่นใจมากขึ้น ต่อไปนี้หนูจะไม่เก็บอะไรที่ทำให้เราไม่มั่นใจ มาทำให้ตัวเองรู้สึกดาวน์ จุดเปลี่ยนจริง ๆ เพิ่งเริ่มเมื่อ 2-3 ปีนี้เอง ล่าสุดหนูไปภูเก็ต พอรู้ว่าต้องใส่บิกินี ก็ทำใจนานมาก เพราะมีหนูคนเดียวที่เป็นสาวอวบ พอไปถึงตรงนั้นก็รีบถอดเสื้อคลุม แล้ววิ่งลงน้ำเลย(หัวเราะ) พอไม่ได้คิดอะไรมาก เหมือนได้ปลดล็อกตัวเอง ปลดล็อกความคิดทุกอย่าง เรามีความสุขกับชีวิตมากขึ้น กล้าคิด กล้าทำ ในสิ่งที่เราอยากจะเป็น เพราะรู้สึกว่าเราผอมไม่ได้แล้ว ให้ออกกำลังกายหนัก ทำได้ แต่ให้เลิกกินเราทำไม่ได้ เมื่อก่อนเคยหนัก 80 กก. ก็โดนสั่งลดน้ำหนัก จนเหลือ 60 กก. แต่เราไม่มีความสุขเลย เหมือนลืมไปเลยว่าเป็นใคร แต่พอไม่ได้โฟกัสเรื่องน้ำหนัก และมั่นใจกับการที่เราเป็นแบบนี้ ชีวิตก็มีความสุขมากขึ้นค่ะ”
พอกล้าที่จะโชว์ความแซ่บมีคอมเมนต์ยังไงบ้าง
“ก็มีทั้งดีและไม่ดี แต่เราทำใจแล้ว บางอย่างเราทำแล้วแฮปปี้ แต่ก็จะมีคนที่คิดว่าสิ่งนี้แรงเกินไป เป็นแบบอย่างที่ไม่ดี ซึ่งเขามีสิทธิคิดได้ ตอนนี้เขาไม่ได้ติที่รูปร่างเราอ้วนนะ เขาจะเข้ามาบอกว่า นมแบน ตูดลาย พอเขาติเรื่องรูปร่างไม่ได้ เพราะเรามั่นใจมาก เขาก็พยายามจะหาเรื่องอื่นมาพูด ซึ่งเราก็จะขำ เพราะว่าเราไม่ได้ใช้แอพแต่งรูป ยิ่งพุงเป็นชั้นยิ่งชอบ นางแบบต่างประเทศ ที่เขามียิ่งกว่าเราอีก บางทีพุง 4-5 ชั้น แต่เขามั่นใจ แคปชั่นของเขาก็ยิ่งเสริม พอเราอ่านแล้วรู้สึกได้แรงบันดาลใจ เราก็อยากเป็นแบบเขาในพาร์ทที่เป็นคนไทยค่ะ”
แล้วมีหนุ่ม ๆ เข้ามาไหม
“ไม่มีเลยค่ะ ฝรั่งก็ไม่มี แต่ถ้าเจอตามที่เที่ยวอาจจะมีบ้าง แต่คุยขำ ๆ ไม่ได้ยุ่งกับเขา ส่วนมากจะมีผู้หญิงเข้ามาหามากกว่า ทั้งเลสเบี้ยน ทั้งทอม แต่ผู้ชายไม่ค่อย ด้วยลุคของเรา เขาก็คงจะคิดว่าเราเป็นอีกแนวนึง จริง ๆ แล้วอยากจะบอกว่าเราเป็นกลุ่มที่มีความหลากหลายทางเพศ (LGBT) เป็นมาสักพักแล้วแต่เพิ่งจะมาเปิดเผย ความจริงเรารู้ตัวมาตั้งแต่แรกแล้ว ว่าเป็นไบเซ็กชวล คือ รักได้ทั้งเพศชายและเพศหญิง ตอนนั้นเรายังไม่กล้าห้าว กลัวคนคิดว่าเราเป็นทอม ทุกวันนี้กล้าตัดผม แต่ยอมรับว่าเรายังแรดอยู่ ไม่ได้เป็นทอมแรด เป็นคนไม่มีเพศ เป็นซิลวี่ที่อะไรก็ได้ ขอแค่คนที่จะเข้ามาพาเราไปในแนวทางที่ดี ซัพพอร์ตให้กำลังใจกัน”
ทำไมตัดสินใจเปิดเผยว่าเราเป็น LGBT
“มีอยู่ช่วงนึงที่ชีวิตเราตกต่ำสุด ๆ ใช้ชีวิตเละเทะ ชีวิตหลงผิด ตอนนั้นอายุ 18-19 ปี เราใช้ยาเสพติดเพื่อให้ตัวเองผอม ช่วงนั้นชีวิตดาร์กมาก ไม่ไปเรียน งานก็เสีย เข้ากับครอบครัวไม่ได้ จนเราทนไม่ไหวแล้วกับชีวิตที่เราเป็นอยู่ เรามีความใฝ่ฝันอยากจะเข้ามาในวงการบันเทิง แต่พอได้เข้ามาตั้งนานแล้ว อยู่ ๆ มาทำเละเทะแบบนี้ เพราะคิดว่าตัวเองทำงานหาเงินได้แล้วก็เหลิง ซึ่งหนูว่าเป็นความคิดที่แย่มาก โชคดีที่แม่ที่อยู่เคียงข้างเรา ถึงเราจะทำตัวไม่ดียังไง เขาก็ไม่เบื่อที่จะพูดให้เรากลับมาเป็นคนดี แต่พอวันนึงแม่เหนื่อยที่จะพูดกับเราแล้ว เพราะเราก็เสพยาต่อหน้าเขา โดยที่ไม่แคร์สิ่งที่เขาบอกเขาเตือน พอวันนึงที่แม่ไม่พูดแล้ว ทั้ง ๆ ที่ ที่ผ่านมาเขาพูด เขาทำมาโดยตลอด ในที่สุดเขาถึงขั้นยอมแพ้แล้ว เราเลยกลับมาคิดได้เองว่าจะเป็นแบบนั้นต่อไปไม่ได้แล้ว เหมือนจิตใต้สำนึกทำให้รู้สึกสงสารแม่ แล้วเราก็ทนสภาพตัวเองไม่ไหว ไม่อยากทำตัวไม่ดีแล้ว พอคิดได้เปลี่ยนตัวเอง หลังจากนั้นอย่างอื่นตามมาหมดเลย เรียนก็ดีขึ้น ความมั่นใจตัวเองดีขึ้น ชีวิตเปลี่ยนไปเลยที่เคยตกต่ำสุด ๆ เป็นดีขึ้นเรื่อย ๆ อยากทำอะไรก็ได้ทำ เป็นตัวของตัวเองจริง ๆ ค่ะ”
ตอนนี้เลิกยุ่งกับยาเสพติดได้เด็ดขาดหรือยัง
“เลิกเด็ดขาดมาประมาณ 1 ปีแล้วค่ะ ตอนที่ตัดสินใจเลิก ถึงขั้นจะไปที่วัดถ้ำกระบอกเลยนะ เพราะเราติดหนักมาก เปลี่ยนไปคนละคนเลย ช่วงนั้นเก็บตัวไม่คุยกับใคร เริ่มทำลายข้าวของ เพราะร่างกายเราต้องการมาก ซึ่งพอจะเลิกก็ไม่สามารถเลิกเด็ดขาดได้ตามใจต้องการ ใช้เวลาทั้งหมด 5 ปีกว่าจะเลิกได้อย่างเด็ดขาด ทุกวันนี้ก็ยังมีสังคมที่เข้ามาชวนให้เรากลับไปใช้มันอีก แต่เรามีความคิดเราที่แน่วแน่ว่าเราจะไม่กลับไปอีก ของแบบนี้อยู่ที่จิตใจของเราล้วน ๆ เราต้องคิดได้ด้วยตัวเอง แต่พอโดนตื๊อเรื่อย ๆ ก็จะให้แม่ช่วย (หัวเราะ) ที่สำคัญ คือ เราไม่อยากเสียแม่ไป ไม่อยากทำให้เขาผิดหวังในตัวเราแล้ว ตอนนี้เป็นคนใหม่ เรียนจบแล้ว ปัจจุบันเป็นครูสอนร้องเพลง ชีวิตพลิกจากหลังมือเป็นหน้ามือเลย ชีวิตดีขึ้นเยอะ อ้วนท้วนสมบูรณ์ ได้กินอาหารอร่อยที่เราอยากกิน ได้ออกกำลังกาย ไม่เครียด อยากจะเป็นอะไรวันไหนก็เป็น ขอแค่ไม่ทำผิด แม่ไม่เคยขออะไรจากหนูเลย ขอแค่อย่าทำตัวเละเทะแค่นั้นเองค่ะ”
มีอะไรที่อยากแนะนำคนที่กำลังหลงผิด
“ช่วงนั้นเราเป็นวัยรุ่น 18-19 ปี เรากำลังมีความคิดว่าเรากำลังจะเป็นผู้ใหญ่ สิ่งที่เราคิดเรามีเหตุมีผลของเรา เราก็เลยจะกล้าทำในสิ่งที่เราคิดมาก ๆ และเราก็คิดว่าสิ่งที่เราคิดที่เราทำถูกต้องแล้ว อยากบอกว่าขอให้ฟังสิ่งที่ผู้ใหญ่เตือนไว้เถอะ ที่บอกว่าเขาอาบน้ำร้อนมาก่อน คือเรื่องจริง ยังไงก็ตามเขาโตมาก่อน อย่าคิดว่าโลกหมุนรอบตัวเรา สิ่งที่เราทำเราคิดว่าไม่ได้เดือดร้อน เราสำมะเลเทเมา เราก็เดือดร้อนแค่ตัวเรา ตายไปก็ตายที่ตัวเรานั้นก็จริง แต่เวลาเข้าโรงพัก เข้าโรงพยาบาลใครเดือดร้อน ถ้าไม่ใช่ครอบครัวของเรา อยากให้คิดดี ๆ อยู่กับตัวเอง มีสติ อย่าไหวไปตามอารมณ์ มีอะไรให้ปรึกษาคนในครอบครัวดีกว่าค่ะ”
ใครที่กำลังหลงผิด หรือคิดจะไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด ก็อยากให้ดูประสบการณ์ของสาวซิลวี่ไว้เป็นอุทาหรณ์นะจ๊ะ.