ข่าวถอดสไตล์ "อิน" เรียบหรูจับต้องได้ ส่งความรักด้านแฟชั่นผ่านแบรนด์ตัวเอง - kachon.com

ถอดสไตล์ "อิน" เรียบหรูจับต้องได้ ส่งความรักด้านแฟชั่นผ่านแบรนด์ตัวเอง
บันเทิง

photodune-2043745-college-student-s
เรียกว่าเป็นคนที่มีสไตล์แต่งตัวโดดเด่น สำหรับ อิน-สาริน รณเกียรติ อีกหนึ่งหนุ่มฮอตสุด ๆ ในตอนนี้ ที่ไม่ว่าจะไปออกงานไหน ก็เอาอยู่ในทุกลุค แมตช์ลงตัวทั้งเสื้อผ้าและแอคเซสเซอรี่ แถมยังใช้ความรักในเรื่องแฟชั่นมาต่อยอดออกแบบแบรนด์ตัวเอง ในชื่อ “เฮย์.บีเคเค (hye.bkk)” สำหรับกำไลโซ่และเสื้อยืด “เปเปอร์ ฮาร์ท.บีเคเค (paperheart.bkk)” วันนี้ “เทรนดี้ ฟรีไทม์” เลยไม่รอช้า รีบนัดหนุ่มคนนี้มาพูดคุยเรื่องแฟชั่นและข้อคิดดี ๆ ในการแต่งตัวของหนุ่มคนนี้มาฝากกัน

แต่งตัวได้ทุกแนว
“ผมได้ทุกแนว ผมแต่งตัวไปงานก็จะดูที่ธีมงานก่อนว่าเป็นแนวไหน พยายามแต่งให้ได้หลายแนว แต่สุดท้ายก็จะคลุมอยู่กับคำว่าสตรีท ลักชัวรี่ (Street Luxury) ที่มีทั้งความหรูหราแต่จับต้องได้ด้วย เป็นสิ่งที่เหมาะกับตัวเรา ส่วนโทนเป็นคัลเลอร์ฟูลมาก แต่ถ้าจะมีสักสีที่โดดขึ้นมา น่าจะเป็นสีขาวกับฟ้า ซึ่งผมจะมีเสื้อเชิ้ตลายทางขาวฟ้าเป็น 10 ตัวแต่จะเป็นลายเหมือนกันทุกตัว เพราะว่าชอบเป็นพิเศษ เป็นสีที่เราใส่แล้วมั่นใจ มีความเป็นเราสูง ส่วนกางเกงผมชอบยีนสีอ่อนหรือว่าจริง ๆ ผมชอบสีฟ้าก็ไม่รู้ (หัวเราะ) ดีไซน์ขาตรง ใหญ่ ๆ มันเข้ากับลุคผม และผมไม่ใช่คนขาเล็กมาก ใส่แบบนี้ช่วยพลางช่วงขาได้ด้วยครับ”


เป้ลายไดโนเสาร์ใช้งานง่าย

“ตอนนี้ผมใช้กระเป๋าเป้ลายไดโนเสาร์ เพราะน่ารักดี ไม่มีเหตุผลเลย (ยิ้ม) อีกอย่างใบขนาดใหญ่ ใช้ไปวางที่กองละครง่าย ลายผ้าก็ไม่ต้องรักษามาก เพราะสีไม่ได้ขาวมากครับ”

แว่นตาต้องดีไซน์กลม ขนาดเล็ก

“ตั้งแต่เกิดมาผมใส่แว่นตากันแดดอันเดียว คือแว่นกลมอันเล็ก ผมใส่แว่นใหญ่มากไม่ได้ จะล้นหน้า แว่นตาดีไซน์เหลี่ยมก็ไม่เข้า เพราะมันจะเนิร์ดมาก ๆ ต้องใส่เป็นแว่นตาดีไซน์กลม สีดำเรียบ ๆ คือซื้อแว่นมา 10 กว่าอัน ก็จะใช้แต่อันนี้ครับ ซึ่งแว่นตาถือเป็นไอเท็มติดตัวผมเหมือนกัน เพราะว่าตาผมสู้แสงไม่ได้ ต้องใส่แว่นตลอด”


กล้องฟิล์ม พกติดตัวตลอด

“ผมชอบถ่ายรูปอยู่แล้ว แต่ไม่ชอบพกกล้องดิจิตอลเพราะหนัก เลยชอบใช้กล้องฟิล์มแบบใช้แล้วทิ้งของฟูจิ ภาพมันสวยดี และเสน่ห์ของมันอย่างนึงคือเวลาที่เราถ่ายใครที่เป็นภาพพอร์ตเทรต ทุกคนจะมีความตั้งใจมากกว่าการสแนปในมือถือ เพราะทุกคนรู้ว่าเราถ่ายด้วยมือถือได้ 40-50 รูป แต่พอเป็นฟิล์มปุ๊บเรามีให้แค่รูปเดียว เพราะอินงกฟิล์ม (ยิ้ม) ทุกคนก็จะมีความกลับไปยุค 90 ยืนตัวตรง ตั้งใจโพสต์ ซึ่งมันก็ออกมาสวยในแบบของมันจริง ๆ นะ”

จากความรักแฟชั่นสู่การทำแบรนด์เครื่องประดับ

“เครื่องประดับติดตัวผมคือกำไลข้อมือ มันเกิดจากความชอบในการแต่งตัวของเรา เริ่มจากเราใส่แบรนด์อื่นก่อน แต่คนเห็นก็จะถามว่าซื้อจากไหน ขอซื้อต่อก็มี เลยคิดว่าถ้าเราใส่แล้วมันโอเค เลือกแล้วถูกใจหลายคน เลยคุยกับพี่สาวและตัดสินใจทำกำไลโซ่ แบรนด์ของตัวเองขึ้นมา คือ “เฮย์.บีเคเค (hye.bkk)” ขายทางไอจี “hye.bkk” สำหรับ “เฮย์” เป็นภาษากรีก แปลว่าเครื่องประดับ เรามีคอนเซปต์ว่า เซคันด์ พีซ (Second Piece) หมายความว่าเป็นชิ้นที่ 2 ที่เอาไปใส่กับอะไรก็ได้ ถ้ามีนาฬิกาหรือมีกำไลเส้นโปรดอยู่แล้ว ก็เอาของเราไปใส่เพิ่มมิกซ์แอนด์แมตช์ก็ได้ มันคงเหมือนเรา ที่พยายามปรับตัวอยู่ตลอดเวลา ให้เข้ากับทุกอย่างได้ โดยที่ยังมีดีไซน์ของเราอยู่ครับ ซึ่งผู้หญิงหรือผู้ชายก็ใส่ได้ ใส่กับอะไรก็ได้ ทำให้เราดูดีขึ้น สำหรับการดีไซน์ต้องมีความกลาง ๆ ไซซ์โซ่ต้องไม่เล็กหรือใหญ่เกินไป ผู้ชายใส่ได้อยู่ ผู้หญิงใส่แล้วก็ไม่แมนเกินไปครับ”


เปิดที่มาของคอลเลกชั่น

“คอลเลกชั่นแรกเป็นแบบเรียบหน่อย มีโซ่ 2 ไซซ์ 2 รุ่น คือรุ่น “แนนซี่ (Nancy)” ที่โซ่ไซซ์เล็ก และรุ่น “ซิด (Sid)” ที่โซ่ไซซ์ใหญ่หน่อย ผมดีไซน์ตัวล็อกให้มีความพิเศษของเราเอง ไม่อยากทำตัวล็อกเรียบ ๆ ส่วนคอลเลกชั่นล่าสุดชื่อว่า “ฮาล์ฟ (Half)” เป็นคอลเลกชั่นแรกที่เราทำจี้เพิ่มเข้าด้วย ที่ทำเป็นตัว “เอช (H)” มาจากคำว่า “เฮย์” ก็ขายดีที่สุด เอาไปใส่คู่กับคอลเลกชั่นแรก ที่เป็นแบบเรียบ ๆ ก็สวย ส่วนจี้ที่ดีไซน์เป็นแม่กุญแจเพราะผมชอบ ตอนแรกสุดในคอลเลกชั่น ก็ตั้งใจทำตัวล็อกเป็นแม่กุญแจกับลูกกุญแจขัดกัน แต่ดีไซน์ออกมาแล้วมันใส่ยากเกินไป เลยทำแบบอื่นที่เราก็ชอบเหมือนกัน แต่พอที่คอลเลกชั่นล่าสุดนี้ที่เราตั้งใจทำจี้ เลยเลือกทำเป็นแม่กุญแจครับ”

ดีไซน์กล่องสีแดง เพิ่มความโดดเด่น

“ส่วนใหญ่พี่สาวจะดูการดีไซน์ตัวกำไล ผมจะดูงานอาร์ตเวิร์ก ดีไซน์แพ็กเกจจิ้ง โลโก้ อย่างกล่องที่ใส่ที่เลือกเป็นสีแดง เพราะโดดเด่น ตอนแรกทำกล่องสีครีมก็สวย แต่สีแดงดึงดูดกว่า เวลาที่เราโพสต์ขายในแพ็กเกจจิ้งสีแดง คนอยากซื้อมากกว่า ซึ่งมันก็ขายดีขึ้นกว่าแต่ก่อนจริง ๆ ไม่ได้สายมูเตลูอะไรเลยครับ (ยิ้ม)”


เฮย์.บีเคเค” เหมาะกับทุกสไตล์

“ผมคิดว่าสร้อยข้อมือ “เฮย์.บีเคเค” เหมาะกับการแต่งตัวทุกแบบนะ เราตั้งใจออกแบบให้มีความเรียบหรู เช่น ถ้าแต่งตัวเยอะ เอาไปแอด ออน ท็อป ก็จะดูมีลูกเล่นมากขึ้น แต่ผมเห็นหลายคนที่ดูอาร์ติสต์ ไม่ได้แต่งตัวเยอะ เอาไปใส่ก็ดูดีในแบบของเขา เวลาที่ผมไปออกงาน ผมก็จะใส่แบรนด์ตัวเองตลอดเพราะอย่างที่บอกที่ผ่านมาคนจะถามเยอะมากว่า ใส่แบรนด์อะไร พอเราใส่ของเราเองก็ดีใจมากที่คนยังเข้ามาถามว่าสวย ใส่ของอะไร เราก็บอกของเราเอง ก็ตามไปซื้อกันเยอะครับ”

ต่อยอดทำแบรนด์เสื้อ

“หลังจากที่มีกำไลข้อมือแล้ว เราก็อยากทำเสื้อ ชื่อแบรนด์เสื้อ “เปเปอร์ ฮาร์ท.บีเคเค” ขายในไอจี “paperheart.bkk” แบรนด์นี้เราทำร่วมกับแบรนด์ของเพื่อนสนิท ทุกคนมีแบรนด์จากหัวจดเท้าแล้ว แต่ยังไม่มีแบรนด์ที่เป็นเสื้อยืดเรียบ ๆ ง่าย ๆ เราตั้งใจทำให้ครบทุกแบบ เลยทำเปิดแบรนด์ “เปเปอร์ ฮาร์ท.บีเคเค” ขึ้นมา ในคอนเซปต์คล้ายกับ “เฮย์. บีเคเค” คือใส่ได้ทุกเพศทุกวัย จะใส่ในวันที่ชิลหรือจริงจังก็ได้ ตอนนี้มีแค่สีขาว และน้ำเงิน สกรีนรูปหัวใจเป็นโลโก้เล็ก ๆ ตรงหน้าอก ที่ทำเป็นลายหัวใจมีรอยร้าว เพราะผมชอบแค่นั้นเอง (หัวเราะ) ไม่มีอะไรพิเศษ คือเราเริ่มจากทำลายง่าย ๆ ก่อน ต่อไปก็จะเป็นแพตเทิร์นที่ผู้หญิงและผู้ชายใส่ได้เหมือนกัน”


เปเปอร์ ฮาร์ท.บีเคเค” ใส่แมตช์ยีนสวย

“สำหรับเสื้อยืด “เปเปอร์ ฮาร์ท.บีเคเค” ไม่ว่าจะเป็นสีขาวหรือสีน้ำเงิน ผมว่าใส่แมตช์กับยีนสวย จะใส่กับกางเกงยีนแล้วยัดปลายเสื้อในกางเกงก็สวย ดูเรียบแต่มีอะไร อย่างตัวผมชอบใส่สีขาว เพราะผมใส่แล้วขึ้น ใส่กับกางเกงยีนก็โอเค หรือจะไปใส่แมตช์กับกางเกงสีแดงก็ได้ สีขาวเป็นสีที่ยืนพื้น”

ทักษะที่ได้จากธุรกิจ

“สิ่งที่ได้จากการมาทำธุรกิจ คือผมได้ทักษะในการทำอาร์ตเวิร์กและการขายของ ผมดูเรื่องอาร์ตเวิร์กในการโพสต์ลงมีเดีย ที่จะทำยังไงก็ได้ให้มีความยูนิเซ็กซ์มาก ๆ แบบผู้ชายหรือผู้หญิงเห็นแล้วก็ต้องอยากซื้อ ซึ่งอันนี้ยาก เพราะมีเส้นบาง ๆ ต้องทำให้มันมีความกลาง แต่สนุกดี ใช้วิชาที่เราเรียนจากคณะสถาปัตย์เยอะเหมือนกัน ส่วนการต่อยอดธุรกิจนี้ สิ่งสำคัญคือ “เฮย์.บีเคเค” อยากแตกไลน์ไอเท็มต่าง ๆ ให้มากขึ้น ต่อจากนั้นก็อยากมีหน้าร้าน เพราะคุยกับเพื่อนที่ทำแบรนด์ออนไลน์อื่น ๆ เหมือนกัน เราจะได้รวมแบรนด์และทำเป็นมัลติ สโตร์ อยากทำในเร็ว ๆ นี้ครับ”


เทคนิคแฟชั่นของ “อิน”

“ไม่ต้องไปแต่งตัวตามกระแส ตามบ้างก็ได้ในแบบที่เราชอบ แต่ต้องดูสรีระตัวเองก่อน โดยเฉพาะคนเอเชีย เราจะไปแต่งตามฝรั่งมากก็ไม่ได้ เพราะเราไม่ได้โครงรูปร่างใหญ่เหมือนเขา บางคนขาใหญ่ เราก็ต้องดูว่าจะแต่งตัวแบบไหน เพื่อปกปิดและส่งเสริมได้ ต้องรู้จักตัวเองก่อนเริ่มแต่งตัวแนวไหน ไม่จำเป็นต้องเป็นแบรนด์เนมแพง ๆ เลย เสื้อราคาตัวละหนึ่งร้อย ถ้าแต่งให้เป็นก็ดูแพงกว่าใส่เสื้อราคาหนึ่งหมื่นได้ครับ”

ไม่ต้องแพง ไม่ต้องตามกระแส ก็สามารถดูดีได้ในแบบของตัวเอง รวมถึงหากเรารักและมั่นใจในสไตล์ตัวเอง ก็ยังนำความชอบที่เป็นตัวเราเหล่านี้มาถ่ายทอดเป็นแบรนด์ที่มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร เหมือนกับ “หนุ่มอิน” ถ่ายทอดตัวตนลงใน “เฮย์.บีเคเค” และ “เปเปอร์ ฮาร์ท.บีเคเค” ได้อย่างน่าภูมิใจ.

--------------------------------------------
อ้อมเอลฟ์.