ข่าว'หมอริท'แชร์เรื่องราวไอจีฟีลกู๊ด ทุกภาพมีแต่ความทรงจำสวยงาม - kachon.com

'หมอริท'แชร์เรื่องราวไอจีฟีลกู๊ด ทุกภาพมีแต่ความทรงจำสวยงาม
บันเทิง

photodune-2043745-college-student-s
เรียกว่าเป็นอีกไอดอลขวัญใจหลาย ๆ คนสำหรับ หนุ่มริท หรือ นายแพทย์ เรืองฤทธิ์ ศิริพานิช  ที่เชื่อว่าเรื่องราวและความคิดของเขานั้นเป็นแรงบันดาลใจให้แฟน ๆ หลายคนได้ ซึ่งหนุ่มริทก็เป็นอีกคนที่มักบันทึกเรื่องราวหรือความทรงจำในอินสตาแกรมหรือไอจี”  ซึ่งเป็นแอพพลิเคชั่นที่นิยมอย่างมากในขณะนี้ เทรนดี้ ฟรีไทม์ เลยไม่พลาดพูดคุยกับสุดยอดภาพถ่ายที่ริทรักมากที่สุด และเป็นเรื่องราวที่สวยงามในช่วงชีวิตของหนุ่มริทมาฝากกัน ซึ่งเชื่อว่าน่าจะเติมพลังบวกให้กับหลายคนได้ดีด้วย

รูปชุดครุย เสริมกำลังใจในวันที่เหนื่อย
“รูปนี้มีเรื่องราวของมัน คือเป็นรูปที่ริทเพิ่งไปถ่ายชุดครุย แบ๊กกราวด์รูปเป็นตอนที่ริทนั่งอ่านหนังสืออยู่พอดี แล้วในแบ๊กกราวด์นั้นมีหนังสือสเต็ต เครื่องฟังตรวจ และแว่นตา เป็นรูปที่สื่อความหมายว่า ตอนนั้นอีกนิดเดียวก็จะจบแล้ว สู้มาตั้งหลายปี สู้อีกนิดเดียวจะเป็นอะไรไป เพราะมันเหนื่อยมาโดยตลอด เราต้องอ่านหนังสือ ตรวจคนไข้ จนวันนึงมันจะสำเร็จแล้ว ก็เป็นอีกรูปที่ไว้ให้กำลังใจตัวเอง ตอนนั้นที่ริทถ่ายรูปนี้เพราะเราต้องถ่ายรูปชุดครุยส่งให้เขาไปก่อน โดยที่ยังไม่ได้เรียนจบจริง เหมือนเราเห็นอนาคตเราแล้วว่าวันนึงจะได้ใส่ชุดนี้แหละ แต่ตอนนั้นมันเหนื่อยมาก การสอบจบแพทย์ที่เรียกว่าการสอบเอ็นแอล 3 (NL 3) มันเป็นการสอบที่เหนื่อยที่สุด ใครสอบไม่ผ่านก็จะไม่ได้เป็นหมอ ต้องรวมความรู้ที่เรียนมาตั้งแต่ปี 1 ถึงปี 6 เพื่อมาสอบครั้งนี้ครับ”

รูปรับปริญญา ท่ามกลางคนรักร่วมยินดีในวันแห่งความสำเร็จ
“รูปในวันรับปริญญาจริง ภาพที่ถ่ายกับแฟนคลับคือบางส่วนเขายอมนั่งรถจากกรุงเทพฯ ไปที่ จ.ขอนแก่น เพื่อร่วมแสดงความยินดีกับริท และอีกรูปถ่ายกับคุณพ่อคุณแม่ คือมันเป็นวันที่คุณพ่อคุณแม่ดีใจมาก วันนึงลูกได้เป็นหมอจริง ๆ แล้ว ในรูปที่ถ่ายกับคุณพ่อคุณแม่เขียนแคปชั่นไว้ยาว ปกติริทไม่เขียนแคปชั่นยาวนะ ถ้าโพสต์แคปชั่นยาวแปลว่าต้องมีเรื่องราว ซึ่งในวันเรียนจบ ส่วนใหญ่คุณพ่อคุณแม่มักซื้อของขวัญให้เราใช่มั้ยครับ แต่ริทรู้ว่าตอนนี้เราทำงาน มีรายได้เยอะ เลยซื้อของขวัญให้คุณพ่อคุณแม่ด้วย นอกจากใบปริญญาที่มอบให้ท่านเป็นของขวัญแล้ว เราซื้อตุ้มหูเพชรและสร้อยคอให้คุณแม่ และมีแหวนเพชรให้คุณพ่อ ก็หมดไปเยอะเหมือนกัน (หัวเราะ) ซึ่งท่านก็ใส่มาในวันนั้น เราตั้งใจซื้อมาให้ท่านได้ใส่และเก็บไว้เป็นของท่านเลยครับ”

รูปคอนเสิร์ต พิสูจน์พลังความรักและผูกพันของแฟนคลับ
“รูปคอนเสิร์ต ริท คัม แบ๊ค ทู ยู คือหลังจากที่ริทกลับไปเรียนประมาณ 5 ปี ทางบริษัทก็ตัดสินใจจัดคอนเสิร์ตนี้ให้กับริทและแฟนคลับ คือริทหายไปนานประมาณ 5 ปี แต่แฟนคลับเหล่านี้ยังอยู่ เขายังซื้อบัตรมาคอนเสิร์ตเพราะคิดถึงริท และรวมพลังกันได้มากขนาดนี้ ทั้งที่ริทไม่มีผลงานอะไรเลยแม้แต่ชิ้นเดียว มันเลยซึ้งน้ำใจเขา เห็นพลังความรักเขา ผมยังจำความรู้สึกตอนอยู่บนเวทีแล้วมองลงมาเห็นภาพนี้ได้ตลอด เพราะเรารู้ว่าการมีคอนเสิร์ตไม่ใช่เรื่องง่าย และริทที่ไม่มีผลงานอะไรเลย แต่อยู่ดี ๆ วันนึงบริษัทกล้าจัดคอนเสิร์ตครั้งนี้ให้ แปลว่าเขาต้องมั่นใจแล้วว่ามีคนกลุ่มนึงที่พร้อมซื้อบัตรเข้ามาดูเรา ซึ่งพอจัดปุ๊บมันก็เป็นแบบนั้นจริง ๆ ด้วยที่เขายังอยู่และเต็มที่กับเราแบบนี้ สำหรับช่วงที่เราประทับใจที่สุดในคอนเสิร์ตครั้งนี้ คือตอนที่เราร้องเพลง “โนบิตะ” ปกติเราไม่ค่อยร้องเพลงซึ้ง ก็ร้องเพลงซึ้ง ๆ ให้แฟน ๆ (ยิ้ม) เนื้อเพลงประมาณคนนึงโชคดีจังเลย ที่ได้รับความรักจากพวกคุณ”



รูปโปรยหิมะ กับทริปล่าแสงเหนือ
“รูปโปรยหิมะ อากาศในรูปน่าจะประมาณติดลบ 5 ถ่ายที่ประเทศฟินแลนด์ รูปนี้เป็นอีกรูปที่ชอบมาก เพราะริทเป็นคนชอบเที่ยวต่างประเทศ และการท่องเที่ยวในฝั่งยุโรปเป็นประเทศที่ริทอยากไปมาก ไปฟินแลนด์ก็ได้ไปขี่กวางเรนเดียร์ เป็นทริปล่าแสงเหนือ ซึ่งก็เป็นอีกความฝันนึง แต่ครั้งนั้นไปแล้วก็เห็นนิดเดียวเอง เดี๋ยวคงต้องไปใหม่ครับ ส่วนที่ประทับใจรูปโปรยหิมะนี้ เป็นเพราะจริง ๆ ริทก็เจอหิมะมาหลายรอบแล้ว แต่ถ้านึกไปถึงสมัยเด็ก อยู่กับที่บ้าน จะเจอหิมะได้ต้องไปดรีมเวิลด์ ไม่เคยเจอหิมะจริงมาก่อน (ยิ้ม) มันก็เหมือนเป็นการที่เราโตขึ้นมาจนสามารถไปเที่ยวต่างประเทศได้ ไปผจญทวีปยุโรปได้”

รูปใส่ชุดปลอดเชื้อ แสดงถึงความเสียสละแห่งจิตวิญญาณแพทย์
 “รูปตอนเป็นนายแพทย์ที่ประทับใจ คือรูปที่ริทใส่ชุดปลอดเชื้อ ต้องใส่หมวก  ในภาพแอบใส่หมวกไม่ถูกระเบียบ อันนี้จะถ่ายรูป จริง ๆ ต้องเก็บผมขึ้นไปให้หมด แต่ถ่ายรูปมันดูไม่ดี เลยเอาออกมาก่อน (หัวเราะ) และใส่หน้ากากเอ็น 95 ที่กันเชื้อโรคได้ ชุดค่อนข้างอึดอัด แต่ต้องอยู่แบบนี้ทั้งวันเพื่อตรวจคนไข้ติดเชื้อ แปลว่าร่างกายริทมีโอกาสติดเชื้อ แต่ว่าเราต้องทำงานนี้ เพราะมันเป็นหน้าที่ของหมอที่เราต้องทำ ที่ริทประทับใจ เพราะถ้าเป็นหมอที่ตรวจคนไข้ทั่วไป เช่น ตรวจเบาหวาน ความดัน เราใช้ความรู้ในการตรวจ โดยที่เราไม่ติดเชื้อโรคนั้นอยู่แล้ว แต่ภาพนี้คือชุดของแพทย์ที่ตรวจผู้ป่วยติดเชื้อ เช่น วัณโรค รวมไปถึงโรคที่ติดต่อทางลมหาย ใจได้ อันนี้คือการแสดงถึงความเสียสละ เพราะถ้าริทพลาด หน้ากากริทหลวม หรือเครื่องดูดอากาศไม่ดี แปลว่าริทมีสิทธิเป็นวัณโรคนะ มันถึงต้องป้องกันเยอะแบบนี้ แล้วต้องอยู่แบบนี้ทั้งวัน หน้ากากแบบนี้ก็หายใจไม่ค่อยออก หายใจยากมาก มันแสดงถึงจิตวิญญาณของความเป็นหมอครับ”

รูปโฮม ออฟฟิศกับความภูมิใจ
“ภาพถ่ายกับคุณพ่อคุณแม่หน้าโฮม ออฟฟิศ วันนี้เป็นวันที่ริทตัดสินใจซื้อตึกนี้ จริง ๆ ที่บ้านริทอยู่ที่ จ.ร้อยเอ็ด หมด ริทเป็นคนเดียวที่เข้ามาโตที่กรุงเทพฯ ทำงานเป็นเรื่องเป็นราวที่นี่ ริทตัดสินใจซื้อตึกนี้ประมาณ 5 ชั้น มูลค่าประมาณเกือบ 30 ล้านบาท เป็นการตัดสินใจครั้งใหญ่ และต้องเหนื่อยกับมันอีกเยอะ กว่าจะได้มาซึ่งบ้านหลังนี้ ซึ่งริทตั้งใจซื้อเป็นบ้านและจะเป็นคลินิกในอนาคตด้วย เป็นความภูมิใจมาก ชีวิตนึงไม่คิดว่าเราจะ
ซื้อบ้านมูลค่าขนาดนี้ได้ คุณพ่อคุณแม่ก็ดีใจที่มีบ้านหลังนี้สักที ท่านก็ชอบดีไซน์บ้าน แต่เป็นห่วงเรื่องที่เราจ่ายเงินเยอะ แต่เราก็บอกแล้วว่าต้องทำให้ได้ ถ้าไม่มีหนี้จะไม่กระตือรือร้น เติมไฟให้ตัวเองหน่อย (หัวเราะ) ช่วงนี้กำลังตกแต่งภายใน แต่ยังไม่ได้ย้ายเข้ามาอยู่ รอประมาณปีนี้น่าจะเสร็จ ก็น่าจะได้แฮปปี้กันอีกรอบนึงถ้าบ้านเสร็จครับ”

ไอจีฟีลกู๊ด ทุกรูปมีแต่เรื่องราวดี ๆ
“ริทไม่ได้เป็นคนที่โพสต์รูปลงในไอจีบ่อยนะ นาน ๆ ทีจะโพสต์ หรือไม่ก็โพสต์เวลาไปเที่ยว หรือบางทีก็โพสต์เรื่องงาน แต่เรื่องราวสำคัญในชีวิตริทก็จะโพสต์เก็บไว้ในนี้ด้วยเหมือนกัน ซึ่งจริง ๆ ก็มีไม่กี่อย่างที่เป็นแบบจุดเปลี่ยนที่สำคัญในชีวิต ก็เหมือนเป็นเมมโมรี่ในชีวิตเรา และริทจะโพสต์แต่เรื่องราวดี ๆ เรื่องด่ากัน อารมณ์เสีย ริทไม่ค่อยชอบโพสต์  ดังนั้นเปิดมาในไอจีริทก็จะเจอแต่เรื่องราวดี ๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตริททั้งนั้นเลย เรื่องแย่ ๆ ไม่รู้จะเก็บไว้ทำไมครับ”
        
สำหรับไอจีถือเป็นพื้นที่ได้แชร์เรื่องราว และยังเป็นเหมือนกล่องความทรงจำได้อย่างดีเยี่ยม บางคนโพสต์ภาพลงในไอจีด้วยรูปที่สวยงาม บางคนโพสต์เพื่อแจ้งข่าว หรือบันทึกความทรงจำ แต่ถ้ารูปและเรื่องราวที่เราโพสต์นอกจากเก็บความทรงจำที่สวยงามของเราแล้ว ยังสร้างแรงบันดาลใจให้คนอื่นได้ ก็น่าจะส่งผลให้สังคมโซเชียล มีเรื่องราวพลังบวกมากยิ่งขึ้นด้วย.

....................................................
อ้อมเอลฟ์