ข่าว'เวียร์'เผยอยู่วงการเต็มที่ทุกงาน รัก'เบลล่า'หวานด้วยเรียนรู้-รับฟัง - kachon.com

'เวียร์'เผยอยู่วงการเต็มที่ทุกงาน รัก'เบลล่า'หวานด้วยเรียนรู้-รับฟัง
บันเทิง

photodune-2043745-college-student-s
เรียกว่าเป็นอีกหนึ่งในพระเอกแถวหน้าของวงการในตอนนี้ สำหรับหนุ่ม เวียร์-ศุกลวัฒน์ คณารศ ที่ตอนนี้กำลังพาแฟน ๆ ดำดิ่งไปกับการผจญภัย พร้อมการไขปริศนาต่าง ๆ ใน “พชรมนตรา” ที่มีทั้งดราม่า อาถรรพณ์ แอ๊คชั่น พร้อมสอดแทรกความโรแมนติก ไปกับความลึกลับของเพชรตาแมว ที่จะพาทุกคนที่อยากครอบครองไปสู่อันตราย ประกบคู่นางเอกสาว โบว์-เมลดา สุศรี ซึ่งตอนนี้เรื่องราวก็กำลังทวีความเข้มข้น งานนี้ “บันเทิงเดนิวส์” เลยไม่พลาดคว้าตัวหนุ่มเวียร์มาพูดคุยถึงบทบาทนี้ พร้อมเปิดความคิดของเขากับการโลดแล่นบนถนนบันเทิงมา 16 ปี และไม่พลาดพูดคุยเรื่องหัวใจกับ เบลล่า-ราณี แคมเปน ที่ตอนนี้บอกเลยว่าหวานหนักมากจริง ๆ

“พชรมนตรา” กระแสตอบรับดีเกินคาด?
“กระแสดีมากเลยครับ เรื่องราวทั้งตื่นเต้น สนุกสนาน ผจญภัย และมีเส้นเรื่องความรักระหว่างพระเอก นางเอก นอกจากนี้ยังมีเรื่องเพื่อนและครอบครัว เป็นละครครบทุกรส ลึกลับ ตื่นเต้น ในเรื่องมีอาถรรพณ์พชรมนตราให้ค้นหาตลอดเวลา มีเรื่องไขปริศนา มันซับซ้อนมาก ไม่ใช่ละครที่เล่าแค่พระเอกนางเอกรักกัน แล้วมีมือที่ 3 ทั่วไป ยิ่งช่วงหลังของเรื่องจะยิ่งสนุกมาก ต้องติดตามให้จบนะครับ”

คนชอบที่ได้เห็น “เวียร์” ในบทคอมเมดี้?
“ส่วนมากเป็นซีนกับ พี่น้ำ-รพีภัทร ที่เราเล่นเป็นเพื่อนกัน ที่เห็นส่วนมากก็นอกบทกันเยอะ แต่พยายามไม่ให้เลอะเทอะเกินไป ส่วนกับโบว์-เมลดา เราเพิ่งเจอกันเป็นครั้งแรก สนุกสนาน ตอนแรกนางเอกต้องปลอมตัวเป็นผู้ชาย เราก็จะมีซีนฮา ๆ เยอะ เวลาเข้าฉากกันก็รับส่งมุกกันทันบ้าง ไม่ทันบ้าง (หัวเราะ)”

เห็นว่าการถ่ายทำค่อนข้างทรหด เพราะส่วนมากจะอยู่ในป่า?
“ยกกองเข้าป่ากันไปแต่ละที ต้องถ่ายกันให้ได้มากที่สุด ในป่าหรือในถ้ำอากาศก็ไม่ค่อยจะดีเท่าไหร่ แต่ทุกคนมีสปิริตมาก บางครั้งเจออุปสรรคในเรื่องฝนด้วย ทุกคนพยายามตั้งใจถ่ายให้เร็วที่สุด เพื่อจะได้ออกมาพร้อมกัน แต่ทุกคนแฮปปี้ คนดูได้เห็นโลเกชั่นสวย ๆ ด้วยครับ”

กระแสดีมาก แต่กลับสวนทางกับเลขเรตติ้งที่เปิดมาไม่สูงนัก?
“สำหรับผมไม่ตกใจ เพราะธุรกิจบันเทิงกำลังปรับไปเป็นระบบดิจิทัล เราไม่ยึดติดกับตัวเลข แต่เราดูกระแสที่คนพูดถึงมากกว่า แค่มีคนพูดถึงก็ดีใจแล้ว ไม่ได้คาดหวังในแง่ที่ว่า นาน ๆ ทีเล่นละครเรื่องนึงต้องได้เรตติ้งเยอะ เพื่อที่จะได้มีผลต่องานในอนาคต แต่เรามองเหมือนสมัยก่อนว่าเราเจออะไรบ้าง ตอนที่ละครเรากระแสดี ๆ ถ้าตอนนี้เรายังเจอแบบนั้นอยู่ ก็แสดงว่ามันดี เรายึดสิ่งที่เราเจอและสัมผัสได้ดีกว่า เพราะตอนนี้ทุกอย่างก็ดีอยู่ครับ”



ถึงจะงานแน่นแต่ก็ยังมีเวลาทำสิ่งดี ๆ ล่าสุดเห็นพาทีม“ซูเปอร์เวียร์” ไปทำกิจกรรมกับเด็ก ๆ?
“รายการเรายังทำต่อเนื่อง ส่วนงานเพื่อสังคมเราพยายามจะทำให้ได้ในทุกปี เพราะเหมือนเราให้เขาแล้วเราก็ได้รับเลยในทันที คือเราได้รับรอยยิ้ม และความสุขครับ”

อยู่วงการมา 16 ปี แล้ว อยากผันตัวไปทำเบื้องหลังบ้างรึเปล่า?
“จริง ๆ เรามีโปรดักชั่นครบและมีทีมทุกอย่าง เพียงแต่ตัวเรายังไม่อยากทำ เรายังเต็มที่กับมันไม่ได้ เพราะยังอยากเต็มที่กับเบื้องหน้าอยู่ สำหรับผมที่มองวงการไว้คือ เข้ามาสัก 5 ปี ควรมีคนรู้จัก หมายถึงรู้จักในวงกว้าง ไม่ใช่แค่คนกลุ่มนึงรู้จักแล้วจะเรียกตัวเองว่าเป็นคนที่มีคนรู้จัก สัก 10 ปี ควรมีผลงานที่เด่น ๆ สักเรื่องสองเรื่อง ต่อมา 15 ปี ต้องเริ่มไปในทางอื่น ๆ ไม่ว่าจะธุรกิจหรืออะไรต่าง ๆ แต่งานในวงการก็ยังต้องสำเร็จอยู่ ซึ่งสำหรับผมตอนนี้มองว่าเพิ่งเริ่มในส่วนที่ต้องทำสำเร็จในช่วงเวลา 15 ปี อยู่เลย ตอนนี้เรายังไปได้อยู่ ยังสนุกไม่อยากให้คนมองว่าอายุงานวงการมันสั้น ซึ่งจริง ๆ มันสั้นแต่ตอนนี้โลกโซเชียลต่อเวลาให้เราแล้ว ตอนนี้คนอายุมากยังมีโอกาสได้ทำงานมากขึ้น ส่วนตัวผมเองการรับงานหรือรับละครก็บอกช่องว่า รับทีละคิว ไม่รับคิวซ้อน เพราะอยากแบ่งเวลาเพื่อสุขภาพและดูแลตัวเองด้วย เดี๋ยวป่วยตายไปไม่ได้ใช้เงิน (หัวเราะ)”

คนมองว่าตอนนี้ “เวียร์” ขึ้นแท่น “ตัวพ่อ” ของ “ช่อง 7” กดดันมั้ย?
“ไม่ค่อยต้องวางตัวอะไร ถ้าเราเป็นนักแสดง จริง ๆ รักที่จะอยู่ในวงการ และเป็นตัวของเราเองจริง ถ้าเด็ก ๆ ชอบก็โอเค ถ้าไม่ได้ชอบแบบเราก็ไม่ได้ว่าอะไร ไม่ได้บังคับใครและไม่ฝืนตัวเองด้วย เขินมั้ยที่คนเรียกว่าเป็นตัวพ่อช่อง 7 จริง ๆ ก็ไม่ได้เขิน ไม่ได้ซีเรียส แต่คนค่อนข้างคาดหวังกับเราเยอะ จนเรารู้สึกว่าแล้วเราต้องไปคาดหวังกับเขาด้วยรึเปล่า อย่างละครแต่ละเรื่อง คนก็คาดหวังว่าต้องดี ต้องเรียกเรตติ้งให้ช่อง เหมือนส่งความเครียดมาให้เรา แต่ผมถามว่าถ้าออกมาแล้วมันไม่ดีล่ะ คุณจะว่าผมมั้ย สมมุติบางเรื่อง ช่องบอกว่าอยากเอาเวียร์มาช่วยกู้หน้า แต่พองานออกมาเรตติ้งดันไม่ขึ้น กลายเป็นว่าเราเป็นแพะเหรอ ถ้าคุณกลับไปดูงานผมแล้วเห็นว่าผมตั้งใจทำเต็มที่แล้วก็ให้อภัยผมเถอะ แต่ถ้าผมไม่ตั้งใจจริง ๆ ผมยอมรับผิด ข้อดีคือทำให้ผมตั้งใจกับทุกเรื่องที่แสดง อยากให้ออกมาดีที่สุด แต่ถ้าผลออกมาไม่ดี ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ผมทำเต็มที่แล้ว จริง ๆ คนกลัวเพราะยิ่งสูงก็ยิ่งหนาว มันทำให้ต้องละเอียดขึ้นในการจะทำอะไรทุกอย่าง แต่สำหรับผมมันไม่ขนาดนั้น ผมแค่ทำทุกอย่างให้ดีที่สุด ทำงานทุกชิ้นที่ได้รับมาให้ดีที่สุด คนเขามองเห็น สมมุติเราทำงานออกมาดีมาก เรตติ้งดีเราก็แค่เสมอตัว แต่ถ้าเราพลาดเราก็แย่เลย เพราะฉะนั้นผมไม่อยากให้มาคาดหวัง หรือให้ความสำคัญกับเรามาก เราทำหน้าที่ของเราเต็มที่อยู่แล้วครับ”



ถามเรื่องความรักกับ “เบลล่า” ก็ดีมากเช่นกัน?
“ผมไม่ค่อยพูดเรื่องความรัก เพราะก็อย่างที่เห็นกัน ผมไม่รู้จะพูดอะไรเยอะแยะครับ”

“เบลล่า” และ “เวียร์” เหมือนต่างขั้ว แต่มารวมกันแล้วลงตัว?
“คนเราเกิดมาคนละครอบครัว แต่พอได้มาเจอกัน ศึกษากันเราก็ได้เรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ได้ศึกษาสังคม   ใหม่ ๆ จากเขานั่นแหละ ก็เปิดโลกให้เราพอสมควร บางอย่างเมื่อก่อนเรารู้สึกเป็นเรื่องเสียเวลาและไม่ได้ให้ความสำคัญ แต่ตอนนี้ก็หันมาให้ความสำคัญ อย่างเขาเองก็เรียนรู้จากเราเหมือนกัน แต่เราไม่ได้ต้องมาคอยบอกว่าเขาต้องมาทำอะไรเพื่อให้เรารู้สึกดี เราแค่เป็นตัวของตัวเองกันทั้งคู่ ไม่ต้องมานั่งบอกว่าต้องปรับตัวให้เข้ากับเรานะ เพราะถ้ามีคำพูดแบบนั้นออกมา แสดงว่าความสัมพันธ์แบบนั้นมันไม่ดีแล้ว เราว่าเราศึกษากันเหมือนเพื่อนดีกว่า ส่วนใหญ่ที่เราคุยกันก็คุยแต่เรื่องที่คนในเขาคุยกันเท่านั้น อย่างผมคงไม่ฟังใครถ้าไม่ใช่แม่ผมพูด ถ้าแม่พูดผมจะเชื่อ อะไรประมาณนั้น เพราะจะมีแค่ไม่กี่คนที่เราฟัง อย่างผมกับน้องเบลเราจะฟังซึ่งกันและกัน เพราะเราก็ค่อนข้างเก๋า คงไม่มีใครเตือนเราได้ครับ (หัวเราะ)”

ท้ายสุดมองอนาคตเรื่องครอบครัวยังไง?
“คือถ้าผมจะแต่งงาน ผมต้องไม่มีหนี้ ต้องเป็นคนที่พร้อม ถ้ายังมีหนี้ผ่อนบ้าน ยังกู้นั่นกู้นี่ แล้วไปแต่งงานมันไม่พร้อมจริงหรอก เพราะถ้าแบบนั้นแต่งไปก็ไปสร้างหนี้เพิ่มด้วยกัน ผมพยายามทำตัวผมให้ฟรี ทำให้พร้อม ก็เต็มที่ หาเงินมาได้ก็เก็บไว้ สร้างฐานะตัวเองให้ได้ก่อน สร้างอาณาจักรครับ”.