'เบลล่า'ไม่ยึดติดความสำเร็จ หัวใจแฮปปี้'เวียร์'เคียงข้าง
บันเทิง
ทำไมตัดสินใจรับบทโสเภณี ซึ่งเป็นบทค่อนข้างแรง?
“เรื่องนี้หลักสำคัญไม่ได้อยู่ที่อาชีพของ “เรณู” มันเป็นแค่พาร์ท นึงในชีวิต ด้วยเนื้อเรื่อง จะสะท้อนการที่คนตัดสินกันจากภายนอก จากแค่อาชีพที่ทำ แต่ไม่รู้ที่มาที่ไปว่าทำไม “เรณู” ถึงเลือกเส้นทางนี้ ก่อนรับบทนี้เบลได้คุยกับทางผู้ใหญ่ และด้วยความที่เป็นละครที่พี่อ๊อฟ-พงษ์พัฒน์และพี่แดง-ธัญญา ทำ เราไม่ต้องลังเลใจ รู้เลยว่าเขาต้องดูบทให้เราดีแน่นอนอยู่แล้วค่ะ
ความท้าทายบทนี้คืออะไร?
“สิ่งที่ “เรณู” ต้องเจอในชีวิตมีเยอะมาก เจอบททดสอบชีวิตตลอดตั้งแต่เด็ก สิ่งที่เจอมาเราเก็บอยู่ในใจแต่สิ่งที่แสดงออกไปเหมือนเป็นเกราะป้องกันตัวเอง ส่วนที่เลือกไปทำอาชีพนั้นเพราะที่บ้านไม่มีเงินและทุกคนไม่สู้แล้ว ประกอบกับความรู้น้อย เลยคิดว่านี่เป็นวิธีเดียวที่จะได้เงินเยอะ โดยหารู้ไม่ว่าหลังจากนั้นเหมือนตกนรกทั้งเป็น จากที่โดนคำครหา หล่อหลอมให้ “เรณู” ต้องแข็งแกร่ง ความจริงเขาไม่ใช่คนที่กร้านโลก แต่ไม่อยากให้ใครมาทำร้าย ก็แสดงออกแบบนั้น บทนี้ซับซ้อนมาก แว้ด ๆ ข้างนอกกลับบ้านมาก็มีเสียนํ้าตา แต่จะดึงตัวเองกลับมาให้เร็วที่สุด เพราะชีวิตต้องเดินหน้าตลอดเวลา เรื่องนี้มีความเป็นมนุษย์จริง ๆ ตัวเราเล่นเป็น “เรณู” เหมือนได้เจอเรื่องราวไปพร้อมกับเขา ก็มีพัฒนาการ มีปมต่าง ๆ เยอะค่ะ”
กลับมาร่วมงานกับ “เจมส์ จิ” อีกครั้ง รู้สึกยังไง?
“ในเรื่องเราไม่ได้คู่กัน แต่รองจากพี่ใหม่ เจริญปุระ ก็เข้าฉากกับเจมส์บ่อยที่สุดแล้ว เจมส์เล่นเป็น “อาซา” ลูกชายพี่ใหม่คนที่ 3 เขาคอยช่วยเหลือเราตลอด จิตใจดี และยอมรับเราได้ การกลับมาแสดงร่วมกันอีกครั้งก็ดี เรามาเจอกันในอีกบทบาทนึง แต่พอเรามองกันก็ยังเชื่อว่าเขาเป็นตัวละครนั้นที่เรากำลังพูดคุยด้วย ส่วนความคาดหวังกับกระแสเรื่องนี้ ก็อยากให้ออกมาดีที่สุด เพราะด้วยตัวเบลและทุกคนก็เต็มที่ เชื่อว่าคนที่ได้ดูนอกเหนือจากได้รับความบันเทิง ความแซ่บ ยังสะท้อนชีวิตมนุษย์ เรื่องของกฎแห่งกรรมชัดมาก จะได้เห็นหลายแง่มุมค่ะ”
อัพเดทแพลนงานละครหน่อย?
“มี “ร้อยเล่ห์มายา” แสดงคู่กับพี่โป๊ป-ธนวรรธน์ เปิดกล้องแล้ว เนื้อเรื่องคือเรากับพี่โป๊ปเคยกุ๊กกิ๊กกันมาตั้งแต่เด็ก แต่มีเหตุต้องแยกกัน แล้วกลับมาเจอกันอีกครั้ง แต่เราแต่งงานมีสามีแล้ว ซึ่งสามีเรารวยมาก และมีบ้านเล็กบ้านน้อย ในบทเราเป็นผู้หญิงที่เก่งและตรง ไม่ยอม อารมณ์ร้อน ก็ได้พระเอกมาช่วยเป็นทนาย ทั้งเรื่องบริษัท การหย่ากัน แต่ในระหว่างนั้นเราก็เหมือนเป็นคู่กัดตลอดเวลา ทั้งดราม่า กุ๊กกิ๊ก แบบแอบชอบเรารึเปล่า เป็นอีกฟีลนึง แต่สิ่งนึงที่พี่โป๊ปยังมีอยู่ มันไม่เชิงแต่ก็ใช่ คือความปากจัด (หัวเราะ) ส่วนเราก็ปรี๊ด มีแต่เขาคนเดียวที่เบรกได้ ส่วนจะได้คู่กันมั้ยต้องรอลุ้นค่ะ”
กลับมาแสดงร่วมกับ “โป๊ป” อีกครั้ง กดดันแค่ไหน?
“เป็นความสนุกมากกว่าที่ได้กลับมาเจอกันในอีกบทบาทนึง ส่วนหวังจะดังเปรี้ยงเหมือนในบุพเพฯ มั้ยนั้น เบลว่าด้วยบทที่เขียนมาสนุกมาก การแคสติ้งตัวละครและเรื่องราว เบลเชื่อว่าน่าจะถูกจริตคนดูสมัยนี้ บทก็เขียนใหม่ทั้งหมดให้เข้ากับยุคสมัยปัจจุบัน ทั้งมีเรื่องโซเชียลและภาพลักษณ์ทางสังคมที่ภายนอกเหมือนรักกันดี แต่ภายในตีกันค่ะ”
ปีที่ผ่านมาถือเป็นปีทองของเบลล่ามาก จนได้รับฉายา “นารีปีทอง” รู้สึกยังไง?
“ขอบคุณมาก ๆ ดีใจและพูดได้ว่าชื่นใจ และเป็นเหมือนรางวัลชีวิตที่แฟน ๆ และทุกคนมอบให้เบล ถือเป็นอีกปีที่อาจเป็นปีที่ดีที่สุดของเบลเลยก็ว่าได้ ส่วนคิดว่าบท “การะเกด” เปลี่ยนชีวิตการแสดงไปเลยมั้ยนั้น จริง ๆ ตัวเบลยังเป็นเหมือนเดิมนะ แต่สิ่งที่เปลี่ยนคงเป็นงานที่เข้ามาเยอะขึ้น โอกาสดี ๆ ที่เข้ามา คนก็รู้จักเบลมากขึ้น มีคนมาให้กำลังใจเยอะมาก ก็โชคดีและดีใจที่ได้มาอยู่ในโปรเจคท์นี้ ที่ทำให้คนไทยหันกลับมารักในความเป็นไทย ชื่นใจเวลาไปไหนเห็นคนใส่ชุดไทยไปเที่ยวโดยที่ไม่ต้องเทศกาลแล้ว คนก็อยากใส่ตามในละคร”
ผ่านบทที่ดังสุดขีดแบบนี้ ทำให้การแสดงครั้งต่อไปกดดันมั้ย?
“ไม่กดดันแต่เป็นการตั้งใจมากกว่า เหมือนงานที่เข้ามาก็ไม่ได้ง่าย ๆ อีกต่อไปแล้ว เบลอยากให้ครั้งนั้นเป็นอีกประสบการณ์ที่ดี เบลถ่ายบุพเพฯ ใช้เวลา 1 ปี 8 เดือน ซึ่งไม่ง่าย แต่นานแค่ไหนก็ขอบคุณตัวเองและทีมงานที่สู้เต็มที่ไปด้วยกัน สุดท้ายสิ่งนี้ก็ตอบแทนทีมงานทุกคน ผลงานต่อไปก็อยากทำออกมาให้ดีและเต็มที่ยิ่งกว่าเดิมค่ะ”
ตอนนี้ “เบลล่า” มีชื่อเสียง จนขึ้นแท่นเป็นนางเอกแถวหน้า คิดว่าตัวเองประสบความสำเร็จหรือยัง?
“เรียกว่าประสบความสำเร็จไปขั้นนึง คำว่าประสบความสำเร็จของเบลคิดว่ามันไม่มีที่สุด เบลชอบตั้งเป้าหมายสั้น ๆ และค่อย ๆ เดินไป ถ้าเราหยุดแค่ความสำเร็จนั้น เราคงไม่ได้เดินก้าวต่อไปแล้ว เบลไม่คิดหยุดที่บุพเพสันนิวาส เป็นละครเรื่องสุดท้ายในชีวิต เบลยังต้องมีผลงานที่เดินต่อไป อันนั้นก็เก็บไว้เป็นรางวัลชีวิต เป็นความทรงจำดี ๆ และเบลก้าวต่อไป ส่วนเป้าหมายในวงการ เบลไม่ได้ตั้งเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ ทุกวันนี้ก็แฮปปี้ดี ยังอยากทำอยู่ตรงนี้นะคะ ถ้าทุกคนยังอยากให้อยู่ (หัวเราะ)”
ตอนนี้มีหลักในการทำงานยังไง?
“ง่าย ๆ ของเบลเลย คือทำวันนี้ให้ดีที่สุด เรื่องอดีตผ่านไปแล้ว อนาคตยังมาไม่ถึง ก็ตอบไม่ได้ว่าจะเป็นยังไง เบลเลยอยากทำวันนี้ให้ดีที่สุด ให้พรุ่งนี้ตื่นเช้ามาแล้วไม่มานั่งเสียดายว่าทำไมไม่ทำงานให้ดี หรือทำไมเป็นคนไม่น่ารัก เบลโชคดีอย่างนึงคือมองโลกในแง่ดี อารมณ์ดี ด้วยความที่เราเล่นละครมาเยอะ ก็ได้เรียนรู้ผ่านทั้งการทำงานและตัวละคร เล่นละครแล้วเหมือนเรียนธรรมะ เบลทำงานกับคนเยอะมาก ถ้ามานั่งคิดในมุมตัวเองอย่างเดียว คนโน้นคนนี้ทำไมไม่ทำแบบโน้นแบบนี้ก็ไม่ใช่ เบลไม่เอาตัวเองมาเป็นหลักยึดติดเพื่อตัดสินคนอื่น อันนี้อาจเป็นหนึ่งในข้อดีของเบลที่ทำให้เบลอารมณ์ดี มีความสุข (หัวเราะ) เบลก็มีโกรธนะ ก็เป็นมนุษย์คนนึง แต่พยายามกำจัดมันออกไปให้เร็วที่สุด เบลเคยเล่นละครแบบเครียด โกรธแค้น แล้วแอบมาคิดในใจว่า เฮ้ย! เหนื่อยมากเลยกับการที่เป็นแบบนี้ ถ้าเราเป็นแบบนี้ในชีวิตจริง ไม่สนุกเลย ชีวิตไม่มีความสุข ไม่รู้ว่าจะเป็นคนแบบนั้นไปทำไม เรามองโลกแง่ดีก็แฮปปี้ มีความสุขกับทุกสิ่งทุกอย่าง อะไรเล็ก ๆ น้อย ๆ ของวันนั้นก็เก็บมาเป็นเรื่องดี ๆ ของวันนั้น”
มองย้อนไปจากวันที่เริ่มเข้าวงการ คิดว่าตัวเองมีอะไรเปลี่ยนและมีอะไรที่ยังเหมือนเดิม?
“สิ่งที่เหมือนเดิมก่อนนะคะ คือเบลไม่หยุดนิ่ง ยังต้องพยายามเรื่อย ๆ ไม่หยุดพัฒนาตัวเอง ไม่คิดว่าตัวเองดัง คิดแค่ละครออนแอร์แล้วคนดูชื่นชอบ มีคนมาให้ความรัก เป็นมุมนั้นมากกว่า ส่วนที่เปลี่ยนไปคือโตขึ้นและรับผิดชอบมากขึ้น ตอนนี้คอมเมนต์แย่ ๆ ทำร้ายเบลไม่ได้แล้ว เราเข้มแข็งขึ้นและเข้าใจมากขึ้นด้วย อยู่ด้วยความเข้าใจว่าไม่ใช่ทุกคนบนโลกใบนี้ต้องมาชอบเรา เราเลือกไม่ยึดติด บางคำวิจารณ์ ถ้าเรารู้ว่าไม่ใช่เรื่องจริง ก็ไม่จำเป็นต้องเก็บมาใส่ใจ และเบลไม่ใช่คนที่ชอบตอบโต้ เบลก็อยู่ของเบลแบบนี้ต่อไป บางคอมเมนต์เราอ่านแล้วเราก็งงนะว่าเอ๊ะ! ต้องการอะไรจากเรา แต่ก็ปล่อยผ่านค่ะ”
เห็นนอกจากเรื่องงาน แล้วยังมีโครงการกุศลด้วย ตอนนี้ทำอะไรอยู่บ้าง?
“มีที่กำลังจะส่งมอบเงินสมทบทุนพัฒนาระบบนํ้าดื่มให้กับน้อง ๆ โรงเรียนบ้านหัวถนน จ.นครปฐม และทำสนามเด็กเล่น เนื่องจากมีคนสมทบทุนเยอะมาก ปีนี้ทางโรงเรียนจะจัดสรรเป็นทุนการศึกษาให้น้อง ๆ ด้วย คือเบลรู้จักกับพี่คนนึงที่บ้านเขาอยู่ที่นั่น เขาแนะนำว่าโรงเรียนขาดแคลน และเบลกำลังคิดโครงการพอดี ทุกวันเกิดเบลทำบุญอยู่แล้ว เลยอยากทำให้ต่อเนื่อง เพราะตอนนี้เราก็มีช่องทาง มีกำลัง ไม่ใช่แค่กำลังทรัพย์อย่างเดียว แต่เราสามารถบอกบุญชวนคนอื่นมาร่วมบุญกับเราได้ สิ่งที่ได้จากการให้คนอื่นสำหรับเบลคือความสุข เราให้โดยที่ไม่ได้หวังว่าจะได้อะไรกลับคืนมา ล่าสุดเบลมีอีกโครงการ คือไปมอบทุนการศึกษาให้น้อง ๆ ที่ จ.เพชรบูรณ์ ปรากฏว่าน้องทุกคนที่ได้ทุนการศึกษาส่งจดหมายมาขอบคุณเบล เขียนเป็นจำนวน 1 หน้าเอสี่ นี่คือสิ่งที่เบลได้รับกลับมา ก็ชื่นใจ เรามีส่วนช่วยแค่นี้ แต่ขอให้เล็ก ๆ เท่านี้ของเราสามารถต่อยอดให้น้อง ๆ มีอนาคตที่ดีได้ค่ะ”
ถามถึงเรื่องความรักกับ “เวียร์” บ้าง?
“ณ วันนี้แฮปปี้ดี ส่วนมากทักทายผ่านสื่อมากกว่า (ยิ้ม) เพราะไม่ค่อยมีเวลาเจอกัน”
“เวียร์” โพสต์รูปเป็นคนอวดแฟน 2019 เขินมั้ยเวลาที่เขาโพสต์รูปหรือแซวเราในไอจี?
“เป็นคำว่าลุ้นมากกว่า เบลจะเห็นทีหลัง เราไม่ได้เล่นตลอด บางทีก็มีคนส่งมาแซวก่อน แล้วเราค่อยเข้าไปดูว่าเขาโพสต์อะไร แต่เบลก็โอเคนะ”
ตั้งแต่ที่คบกันมา สิ่งที่ “เวียร์” ทำให้ประทับใจที่สุดคืออะไร?
“คำว่าที่สุดก็พูดยากเนอะ คงเป็นความสมํ่าเสมอ เสมอต้นเสมอปลาย เบลชอบคนที่เป็นธรรมชาติ เป็นตัวของตัวเอง ตั้งแต่วันแรกที่รู้จักกัน จนถึงวันนี้พี่เขาก็ยังคงเป็นคนเดิมเลย คอยเป็นกำลังใจให้กันเรื่อย ๆ ค่ะ”
อะไรในตัว “เวียร์” ทำให้เราเปิดใจคุย เพราะก่อนหน้านี้เขาก็ไม่ได้มีภาพลักษณ์เพอร์เฟกต์ แมน มีข่าวแง่ลบนิดนึงเหมือนกัน?
“ก็ใช้เวลาค่อนข้างนานเหมือนกันนะ แต่สิ่งที่พิสูจน์คือเรื่องเวลา ตอนแรกเบลมีหลายอย่างที่ยังต้องรับผิดชอบ ไม่ใช่ตอบแบบสวย ๆ แต่เราไม่มีเวลาเลยจริง ๆ ทั้งเรื่องงานที่เพิ่งเข้าวงการ เรื่องเรียนและเรื่องครอบครัว ภาระของเบลก็ยิ่งใหญ่ แต่พี่เขาก็ยังอยู่ตรงนี้ ระหว่างทางก็มีทั้งเรื่องทุกข์และสุข แต่เขาได้พิสูจน์ให้เห็นว่าเขาอยู่ข้างเราทั้งสุขและทุกข์ค่ะ”
ถ้าให้นิยามความสัมพันธ์คู่เรา ตอนนี้อยากให้คำนิยามว่าอะไร?
“คำนิยามความสัมพันธ์ของเบลและพี่เวียร์ สำหรับเบลเป็นความสุข เพราะการได้เจอได้คุยกัน ก็มีความสุขค่ะ (ยิ้ม)”
เราแสดงกับพระเอกคนไหนก็เคมีเข้ากันมาก ตั้งแต่คู่จิ้น “จิราณี” มาจนถึง “โป๊ปเบล” แบบนี้ “เวียร์” เคยมีหึงหวงมั้ย?
“ไม่มีเลย ถ้าเป็นเรื่องงาน เขาเข้าใจเพราะพี่เขาอยู่วงการมานาน และอยู่มาก่อนเราด้วย ตัวเบลเองเรื่องหึงหวงก็ไม่อะไรอยู่แล้ว ต่างฝ่ายต่างมีพื้นที่ให้กัน ทั้งเรื่องของการทำงาน การตัดสินใจต่าง ๆ หรือทำอะไรก็ค่อนข้างมีพื้นที่ให้กันเยอะ คือถ้าเทียบกับคนอื่น เราก็มีเวลาให้กันก็ค่อนข้างน้อยอยู่แล้ว ก็เป็นความเข้าใจกันค่ะ”
งานยุ่งทั้งคู่เคยมีงอนเรื่องเวลา แบบทำไมโทรฯ ไปไม่รับสายบ้างมั้ย?
“ไม่เลย เราทำงานเยอะทั้งคู่ และเราก็รู้กันอยู่ว่าช่วงนี้ต้องทำงานจริง ๆ มันคือความเข้าใจกัน แต่ที่คบกันมามันก็ไม่ได้ราบรื่นมากขนาดนั้น ก็มีช่วงต้องปรับตัวเหมือนกัน ซึ่งไม่รู้ว่าอนาคตยังมีอะไรที่ต้องปรับอีกมั้ย แต่ ณ ตอนนี้ก็มีความสุขดีค่ะ”
“เบลล่า” กับ “เวียร์” ใครหวานหรือโรแมนติกว่ากัน?
“ถ้าเป็นเมื่อก่อนไม่มีเลย (หัวเราะ) แต่เดี๋ยวนี้พอมีขึ้นมาบ้าง สลับกัน แต่ตัวเบลจะกุ๊กกิ๊กกว่า เพราะที่บ้านเบลไม่ว่าเทศกาลอะไรก็จะมีของขวัญให้กัน คุณพ่อเบลท่านเป็นคนโรแมนติก เบลก็ได้รับตรงนี้มาจากคุณพ่อ เบลมีความละเอียดอ่อนในเรื่องนี้ พี่เขาก็เรียนรู้จากเบล และก็มีขึ้นมาบ้างแล้ว แต่แคปชั่นหวาน ๆ ในไอจีอันนั้นเขาเรียนรู้จากตัวเขาเองนะคะ เบลไม่เกี่ยว เราเป็นสายแซวเฉย ๆ ส่วนความคาดหวังกับรักครั้งนี้ จริง ๆ เบลเป็นคนไม่ชอบการคาดหวังกับทุกเรื่อง แค่วันนี้มีความสุขที่จะทำอะไรก็ทำไป และก็มีความสุขกับวันนี้ เหมือนคติที่เบลใช้ทำงาน คือทำวันนี้ให้ดีที่สุด เป็นสิ่งที่เบลรู้สึกและสบายใจแบบนี้ค่ะ”
คบมาสักพัก “เบลล่า” เองก็เรียนจบแล้ว ส่วน “เวียร์” ดูพยายามสร้างเนื้อสร้างตัวมาก มีคุยเรื่องแต่งงานรึยัง?
“ยังไม่ได้คุยไปถึงอนาคตขนาดนั้น เพราะตอนนี้ยังมีงานที่เราต้องทำ โอกาสก็ไม่ได้มาง่าย ๆ ตอนนี้เรายังทำงานได้อย่างเต็มที่ก็ขอทำงานก่อนดีกว่าค่ะ”
เคยมีภาพเจ้าสาวในหัวมั้ย?
“ยังไม่เคยเห็นตัวเองไปอยู่ ณ จุดนั้นนะ คงจะเป็นสมัยเด็ก ๆ ที่ดูเจ้าหญิงดิสนีย์ (ยิ้ม) ตอนนั้นก็คิดว่าสวยดีเนอะ อยากเป็นบ้าง แต่ถ้าถาม ณ ตอนนี้ยังค่ะ”
หลังได้รู้จัก “เวียร์” และมีประสบการณ์ต่าง ๆ มุมมองของ “เบลล่า” ณ ตอนนี้เป็นยังไง เปลี่ยนจากเดิมมั้ย?
“ถ้าเทียบกับตอนเด็ก ๆ คงเปลี่ยน ตอนนั้นเรายึดติดไปหมดเลย ถ้าคบกันก็ต้องอย่างโน้นนี้นั้น แต่ ณ ตอนนี้ไม่ใช่แล้ว ต่างฝ่ายก็ต่างเคารพซึ่งกันและกัน มีพื้นที่ให้กันมากขึ้น อันนี้เบลว่าเป็นสิ่งที่ทำให้เราทั้งเบลและพี่เขาสบายใจด้วยค่ะ”
ท้ายสุดอยากให้ฝากถึงแฟนคลับ?
“ขอบคุณมาก ๆ สำหรับทุกกำลังใจ ทุกความเชื่อมั่นที่ให้เบลมา เบลเห็นและได้รับจริง ๆ เป็นกำลังใจสำคัญเลยที่ทำให้เบลอยากทำงานให้ดีขึ้นเรื่อย ๆ อยากให้แฟน ๆ ได้ดูผลงานเบลอย่างมีความสุข เพราะฉะนั้นเบลจะตั้งใจทำทุกผลงานที่ตอบแทนความรักที่ทุกคนมีให้ค่ะ”
ยิ่งได้พูดคุยยิ่งเข้าใจ ถึงเหตุผลที่ “เบลล่า” สามารถผลิตผลงานดี ๆ ได้ต่อเนื่องแบบนี้ ก็เพราะเธอไม่ยึดติดความสำเร็จ มุ่งเพียงพัฒนาฝีมือ รวมทั้งเรื่องหัวใจรักกับ “เวียร์” ที่แฮปปี้ด้วยการให้เกียรติ เข้าใจ และเสมอต้นเสมอปลาย เลยไม่แปลกใจว่าทำไม “เวียร์” จึงกลายเป็นคนที่อวดและอวยหวานใจเก่งแบบนี้.
..........................................................................................................
เรื่อง : วันวิสาข์ ดอกเงิน
ภาพ : สันติ มฤธนนท์