ข่าว'หนิง'เล่านาทีวูบคาบ้าน ใช้ธรรมะบำบัดจนดีขึ้น - kachon.com

'หนิง'เล่านาทีวูบคาบ้าน ใช้ธรรมะบำบัดจนดีขึ้น
บันเทิง

photodune-2043745-college-student-s
ก่อนหน้านี้สาว หนิง-ปณิตา เครียดจัดจนเป็นลมล้มลงไปที่บ้าน จนสามีหนุ่ม จิน ต้องรีบหามสาวหนิงส่งโรงพยาบาลทันที ทำเอาเพื่อนๆหลายคนรวมทั้งแฟนคลับเป็นห่วงกันมากๆ ส่งกำลังใจไปเชียร์ยกใหญ่ ล่าสุดสาวหนิงมีอาการดีขึ้นและกลับไปรักษาตัวที่บ้านแล้ว ซึ่งสาวหนิงก็ได้เปิดใจถึงเรื่องดังกล่าวผ่านทางรายการคุยแซ่บ show ด้วยว่า



“จริงๆหนิงต้องยอมรับว่าทำงานเยอะคือวันก่อนหน้าที่จะล้มหมดสติไป ไม่ได้นอนมาประมาณ 2 คืน ตอนกลางวันนั่งคุยกับคนเขียนบท พอตกกลางคืนก็ต้องนั่งตรวจบท ก็ดูไปดูมาเรื่อยๆ ซึ่งเวลากลางคืนจะเป็นเวลาที่ทำงานได้ดีที่สุดเพราะกลางวันเราต้องอัดรายการ ดูแลบ้านและลูก ไหนจะต้องเอาลูกเข้านอนด้วยฉะนั้นจึงเลือกทำงานกลางคืน แล้วตอนเช้าเราก็ต้องมาทำงานอีก ก็เกิดจากการที่เราพักผ่อนน้อย แล้วก็เครียดเรื่องงานด้วย ซึ่งตอนนั้นมันวูบแล้วก็ลงไปเลย แต่เกิดอาการน็อคแล้วหัวฟาดเบาะ โชคดีที่มันยังมีเบาะนิ่มๆรองรับอยู่ แล้วพอลงไปเสร็จปุ๊บ เราก็ไม่รู้ว่ามันนานแค่ไหนมารู้สึกตัวอีกทีก็คือเหมือนนอนอยู่บนอะไรสักอย่าง แล้วจะขยับตัว มันเหมือนสัญชาตญาณของคนที่ตื่นนอนแล้วต้องขยับตัวขึ้นมา เราก็เอ๊ะทำไมร่างกายซีกขวาของเราขยับไม่ได้ก็เลยตะโกนบอกคุณจินว่า "ขยับไม่ได้ ขยับไม่ได้จริงๆไม่ได้แกล้งนะ" มันรู้สึกเจ็บที่ท้ายทอยเหมือนมีอะไรทิ่มอยู่ จะว่าชาก็ไม่เชิงนะเหมือนไม่มีแรง หลังจากนั้นก็นำส่งโรงพยาบาล คุณหมอก็ให้ทำ MRI 2 รอบ รอบละวันแล้วก็ทำ CT Scan และก็มีเอกซเรย์ต่างๆ ซึ่งเราก็ยังไม่รู้รายละเอียด แต่คุณหมอบอกว่าก็ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง”



“ตอนนี้ก็คิดว่าตัวเองดีขึ้นนะ หลังจากวันที่เราล้มลงไป แล้วก็เกิดอาการจำไม่ได้ด้วยว่าใครมาเยี่ยมบ้าง จะรู้ก็เพราะเห็นภาพการแท็กจาก IG หรือ Social ต่างๆ แล้วที่ดีขึ้นก็เพราะว่ายายเอาหนังสือธรรมะมาให้อ่าน แล้วหนิงก็พยายามที่จะอ่านและก็อยู่กับตัวเอง กำหนดลมหายใจเอง ทำในสิ่งที่ตอนที่เราบวชเราได้ฝึกปฏิบัติมาแล้วก็บอกกับตัวเองว่า ใจเป็นคนสั่งกาย ถ้าใจสั่งกายไม่ได้ กายจะแย่ แล้วถ้ากายเราแย่เมื่อไหร่ ลูกเราแย่แน่ๆ ตอนนั้นห่วงที่สุดคือลูก ห่วงณิรินที่สุดในโลก ซึ่งเขาก็มาเยี่ยมตลอดเข็นรถเข็น ป้อนข้าวป้อนน้ำ ทำทุกอย่างเหมือนนางพยาบาลเลย จากนั้นอยู่ๆมันก็ค่อยๆดีขึ้นเอง จริงๆสิ่งที่หนิงได้จากเรื่องนี้ก็คือความพอดีเป็นสิ่งที่ดีที่สุด ที่ต้องประมาณตัวเองคืออย่าทำอะไรที่ทำให้ตัวเองรู้สึกว่ามันโหลดหรือหนักเกินไป พอถึงเวลาที่เรารู้สึกว่ามันตึงไป เราก็ต้องผ่อนบ้าง ที่สำคัญจิตสั่งกายอันนี้คือเรื่องจริง ใจเราจะเป็นตัวที่กำหนดเลยว่าเราจะเดินไปในทิศทางไหน ถ้าใจเราแข็งแรงเมื่อไหร่นะ ร่างกายต่อให้เราป่วยก็ยังไงก็ไหว ตอนนี้ถามว่าป่วยไหม ก็ป่วยแต่ว่ายังไหว คือไหวที่จะมาทำงานค่ะ”