ข่าว'เกรท' พร้อมเรียนรู้ในทุกก้าว มุ่งพัฒนาทักษะรอบด้านไม่หยุดยั้ง - kachon.com

'เกรท' พร้อมเรียนรู้ในทุกก้าว มุ่งพัฒนาทักษะรอบด้านไม่หยุดยั้ง
บันเทิง

photodune-2043745-college-student-s

ผ่านงานในวงการบันเทิงมากมาย อาทิ การแสดงละคร นายแบบ ร้องเพลงประกอบละคร พากย์เสียง ในที่สุดหนุ่ม เกรท-สพล อัศวมั่นคง ที่แจ้งเกิดจากการชนะเลิศหนุ่มคลีโอ 2016 ก็ได้มีโอกาสได้ลิ้มลองการแสดงภาพยนตร์เรื่องแรกแสงกระสือ ของ ทรานส์ฟอร์เมชั่น ฟิล์ม, เอ็ม พิคเจอร์ส, ซีเจ เมเจอร์ และ นอร์ทสตาร์ สตูดิโอ กับบทเจิดงานนี้ บันเทิงเดลินิวส์ เลยไม่รอช้าคว้าตัวหนุ่มคนนี้มาพูดคุย ทั้งเรื่องบทบาทการแสดง มุมมองความคิดในวงการ รวมไปถึงเรื่องของหัวใจด้วย

คาแรกเตอร์เจิดในแสงกระสือเป็นยังไง?
“เจิดทำอะไรไม่คิด มีความสุขที่ทำแบบนี้ สิ่งที่ทำให้เจิดมั่นใจขนาดนี้ก็คือหล่อและบ้านรวย ในเรื่องเจิดชอบ “สาย” รับบทโดย มินนี่-ภัณฑิรา ก็คอยดูแลทุกอย่าง แต่การที่ตัวเจิดมีความคิดซับซ้อนขึ้นก็ตอนที่ “น้อย” รับบทโดย โอบ-โอบนิธิ กลับจากพระนคร ก็รู้สึกว่า “สาย” เริ่มห่างไปเรื่อย ๆ ผมรู้สึกว่า “เจิด” มีการเดินทางของตัวละคร จากที่เป็นคนไม่คิดอะไรกลายเป็นคนที่คิดอะไรก็ดูไม่ออก ความยากของบทนี้อยู่ตรงที่ตัวละครเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ แล้วเราต้องไปแตะความดราม่า ใช้อารมณ์ข้างในมาก ผมเองก็เป็นมือใหม่ทางการแสดง เลยยิ่งยากเข้าไปอีก (ยิ้ม) แต่ได้พี่โดม-สิทธิศิริ ผู้กำกับ และพี่แอ๊คติ้งโค้ช ช่วยตบอารมณ์ และนักแสดงท่านอื่นก็ช่วยส่งอารมณ์ให้ การทำงานเลยง่ายขึ้น อย่างวันที่ผมถ่ายซีนดราม่า ก็ถ่ายทั้งคืน ซึ่งผมบอกได้เลยว่าเป็นซีนที่หนักหน่วงที่สุดในชีวิตการแสดงผม ทั้งเหนื่อย ต้องร้องไห้ ใช้พลังเยอะมาก ท้าทายมาก ผมขอบคุณพี่โดมและทีมงานทุกคนที่ให้ผมเล่นได้เหนื่อยขนาดนี้ ผมโตขึ้นและรู้ว่าเรายังทำได้อีก ถ้าได้เจอบทที่ยากกว่านี้ เราฝึกไปถึงได้ เรื่องนี้ได้อะไรเยอะมากครับ”

เห็นว่าเป็นภาพยนตร์เรื่องแรกของเราด้วย?
“ตอนแรกที่ได้รู้ว่าจะได้ไปแคสติ้ง เราก็คิดว่าต้องทำให้เต็มที่ที่สุด ตอนแรกผมได้แคสติ้งบท “น้อย” แต่ด้วยร่างกายและการพูด และตัวบทเราดูเหมาะกับ “เจิด” มากกว่า ซึ่งสิ่งที่ผมรู้สึกชื่นชอบในการถ่ายทำหนัง คือเราสามารถเล่นได้จริงกว่า ไม่ต้องใหญ่กว่าที่เรารู้สึก อย่างการถ่ายละครบางอารมณ์เราต้องเล่นใหญ่ เพื่อผู้ชมทางบ้านได้เห็น เพราะจอทีวีก็เล็ก ถ้าเล่นตามที่เรารู้สึกจริง เขาอาจไม่ทันรู้ว่าเราทำอะไร แต่จอภาพยนตร์จะใหญ่มาก เราเล่นเบา ๆ คนดูก็เห็นแล้วครับ”

เจิดให้อะไรกับเกรทบ้าง?
“ผมกับเจิดคล้ายกันตรงที่พอเรารักใครแล้วก็อยากเต็มที่กับเขา โดยไม่หวังอะไรกลับมา ทั้งที่อีกใจก็อยากให้เขาเป็นของเรา แต่พอเราได้เห็นเขามีความสุข ได้ปกป้องเขาก็พอแล้ว พูดมันอาจน้ำเน่านะ แต่ตัวละครแบบเจิดมีอยู่ในชีวิตจริง ผมก็มีความโตเป็นผู้ใหญ่ แต่ก็มีความเด็กแบบเจิด ที่คิดอะไรก็ทำแบบนั้น ถ้าไม่ได้ทำใครเดือดร้อน ถ้าเรามีความสุขที่จะเป็นแบบนี้ก็ทำไปเลย”

คาดหวังอยากให้คนดูได้อะไรกลับมากที่สุดหลังจากดูเรื่องนี้?
“มีครบทุกแบบเลย ทั้งซีจีที่ทีมงานทำดีมาก ตัวเรื่องและบท ไม่ใช่แค่หนังผีธรรมดาที่เล่าเรื่องเหมือนที่เคยดู แต่มันเป็นการเล่าเรื่องแบบใหม่ ทุกคนมีอารมณ์ดราม่า ขนาดผมเองยังรัก “เจิด” มากขนาดนี้และเต็มที่กับเขามาก เลยอยากให้ทุกคนเข้าไปดูตัวละครทั้งหมด รู้สึกว่าตัวละครนั้นมีอยู่จริง และอยากให้หลายคนรัก “เจิด” อย่างที่ผมรักครับ”

อัพเดทผลงานของเกรทที่จะได้ดูปีนี้?
“มีละคร “สองนรี” ที่จะได้ชมกันปลายปีหรือไม่ก็ปีหน้าครับ เรื่องนี้เป็นละครหลังข่าวเรื่องแรกของเกรท แสดงคู่กับพี่มิน-พีชญา และก็พี่ธันวา ซึ่งพี่มินเป็นนางเอกในดวงใจด้วยครับ ตอนแรกที่รู้ว่าได้เล่นกับพี่มินก็กดดันและตื่นเต้น เราติดตามผลงานพี่เขาตั้งแต่ก่อนเข้าวงการ ไม่เคยคิดฝันว่าจะได้รับบทเล่นคู่กับพี่มิน ซึ่งผมเล่นเป็นคู่ 2 คือพี่มินแสดงเป็นฝาแฝด และเราคู่กับแฝดที่เป็นตัวร้ายครับ ผมไม่ได้คิดว่าตัวเองขึ้นแท่นพระเอกหลังข่าว ก็ค่อย ๆ ขึ้นไปเป็นพระรองก่อน แต่แค่นี้ผมยังตื่นเต้นและกดดันมาก เพราะนักแสดงทุกคนเป็นรุ่นพี่มากฝีมือ เราต้องทำการบ้านเพิ่มมากขึ้นครับ”



ตั้งแต่เป็นหนุ่มคลีโอจนขึ้นแท่นนักแสดงเต็มตัว ณ วันนี้ คิดว่าตัวเองได้อะไรจากวงการบันเทิงมากที่สุด?
“ตั้งแต่ประกวดคลีโอ ผมเหมือนเด็กน้อยคนนึงที่อยู่ดี ๆ ก็ได้รางวัลที่ทำให้เรามีชื่อเสียงในวงการ ได้รับบทบาทสำคัญมากมาย ทั้งการเล่นซีรีส์ ละคร ร้องเพลงประกอบละคร เล่นหนัง พากย์หนัง ออกอีกเวนต์ ซึ่งทุกงานที่เราได้ทำ ทำให้เราได้ฝึกทักษะให้เติบโตขึ้นอีก แค่ใน 2 ปี ผมรู้สึกว่าผมโตมาก เหมือนทำงานในวงการหลายปี ไม่ได้บอกว่าผมเก่งกว่าใครนะ แต่ผมได้เรียนรู้ต่าง ๆ มากมาย ในวันนี้ผมขอบคุณในทุกข้อผิดพลาดและทุกอย่างที่ผ่านมา ที่ทำให้มีผมในทุกวันนี้ ไม่อย่างนั้นผมคงเป็นเด็กน้อยคนนึงที่ทำอะไรที่ไม่รู้ภาษา ก็รู้สึกดีมากที่ได้รับโอกาสขนาดนี้ รวมถึงมีแฟนคลับมากมายที่คอยซัพพอร์ตผม ในวันที่ผมเหนื่อยหรือล้ม หรือวันที่มีความสุขที่สุด เขาก็อยู่ข้างผม ผมรู้สึกว่าผมรู้สึกได้รับความรักแค่นี้ผมก็รู้สึกประสบความสำเร็จไปก้าวนึงแล้วครับ มันทำให้ผมอยากพัฒนาตัวเอง เป็นนักแสดง เป็นศิลปินที่มีฝีมือ มีคุณค่ามากกว่านี้ ไม่อยากหยุดแค่ตรงนี้ครับ”

มีวิธีรับมือกับการที่มีบางคนพูดไม่ดีใส่เราหรือวิจารณ์เรายังไง?
“ผมเป็นคนคิดมาก ๆ แต่ผมไปดูคลิปศิลปินเคป๊อป “แจ็คสัน ก็อต 7” เขาบอกว่าทำไมจะไม่ดีล่ะ กับการมีคนแอนตี้ ไม่ชอบเรา การที่มีคนไม่ชอบเราแสดงว่าเขายังสนใจติดตามเราอยู่เลย แสดงว่าสิ่งที่เราทำยังมีคนสนใจ และพอเราคิดกลับถึงสิ่งที่เราได้เรียนรู้ว่ามีคนรักก็ต้องมีคนเกลียด มีคนชื่นชอบก็ต้องมีคนนินทา มันควบคู่ไปอยู่แล้วไม่ว่าวงการไหน อยู่ที่เราจะรับมือหรืออยู่กับมันให้ได้มากน้อยแค่ไหน ผมพยายามคิดให้น้อยลง แม้ว่าจะคิดอยู่ (ยิ้ม) แต่ต้องอยู่กับมันให้ได้ เพราะเราคิดจะมาอยู่ตรงนี้แล้ว ตรงที่มีสปอตไลต์ คนที่พูดจะมีตัวตนหรือไม่แต่คนที่เจ็บคือเรา ถ้าเราเอาคิดมากก็เจ็บอยู่คนเดียว เขาไม่ได้มาเจ็บกับเรา เราก็แค่คิดน้อยลง และเทคแคร์ใจตัวเองให้มากขึ้นมากกว่าครับ”

เป้าหมายในปี 2019?
“ผมอยากฝึกทักษะการเป็นนักแสดงและศิลปินของผมให้รอบด้านกว่านี้ ตอนนี้ผมก็ร้องเพลงได้บ้าง เล่นดนตรีได้นิดหน่อย และการแสดงก็ยังไม่ถือว่าดีมาก ก็อยากถือว่าเป็นปีแห่งการฝึกฝนของผม เป็นปีฝึกให้ตัวเองเก่งขึ้น รับมือกับปัญหาและความท้าทายต่าง ๆ ที่จะเข้ามาในชีวิตเรามากขึ้น เป็นปีที่เอาไว้รับมือกับปี 2020”

สถานะหัวใจตอนนี้เป็นยังไง?
“สี่ห้องหัวใจตอนนี้ผมมีแต่แฟนคลับครับ (หัวเราะ) เราไม่ได้ปิดกั้นขนาดนั้น ก็เหงาบ้าง แต่เรารู้สึกว่าจะต้องการคนมาดูแลเราทำไม ในเมื่อเรายังดูแลเขาไม่ได้เต็มที่ เรายังเป็นเด็กที่ดูแลตัวเองและครอบครัวได้ไม่เต็มที่เลย ทำไมเราต้องรีบไปมีใครสักคน เราก็อยากมีแต่เราทำตรงนี้ก่อนดีกว่า สร้างรากฐานความมั่นคงในอาชีพ ให้ตัวเองเก่งขึ้นก่อน เราสามารถดูแลทุกอย่างให้ได้ก่อนจะไปมีใคร แม้ว่าคนนั้นจะบอกว่าไม่ต้องดูแลฉัน ฉันดูแลตัวเองได้ แต่ด้วยความเป็นผู้ชาย เราก็ต้องอยากดูแลใครสักคนให้ดีที่สุดอยู่แล้ว เดี๋ยวพอถึงเวลามันก็มีเอง ซึ่งตอนนี้ก็เต็มที่ให้แฟนคลับ ที่บ้านและ “จิโร่” น้องหมาของผม  ส่วนมุมมองความรักผมพักเรื่องไว้ก่อน ไม่ใกล้ไม่ไกล เรายังไม่รีบเข้าไปหาและคิดว่าเดี๋ยวความรักก็จะมาหาเราเอง เรารู้สึกว่าสามารถคว้าความรักไว้ได้ แต่เลือกทำงานก่อน ความรักไม่ใช่เรื่องไกลตัว และอยู่รอบตัวผม ทั้งจากที่บ้าน จากแฟนคลับ จากเพื่อน แต่ถ้าความรักแบบแฟน สำหรับผมก็อยู่ตรงนี้ไว้ก่อน ถ้าถึงเวลาเราจะเข้าไปหาเอง เชื่อว่าถ้าถึงเวลาคุณก็จะมาหาเราเอง ในจังหวะที่เหมาะสม คือตอนนี้ผมอายุ 25 แล้ว ถ้าผมคบใครตอนนี้ก็ต้องจริงจัง ต้องมองเรื่องอนาคตไว้ด้วย ไม่ใช่แค่รู้สึกดีให้กัน แต่เราต้องมองภาพระยะยาว และการจะหาใครสักคน มันก็ต้องค่อย ๆ ศึกษา ดูใจกันไปมากกว่า พอถึงเวลาเดี๋ยวมันก็ลอยมาเอง แบบที่เราไม่ได้คาดหวัง”

คนที่จะชนะใจเกรทได้ต้องเป็นยังไง?
“ผมชอบคนที่สามารถแสดงความเป็นตัวเขาเองออกมา ความร่าเริงสดใสของเขาผ่านทางรอยยิ้มและแววตา มีแพสชั่น รู้สึกรักในสิ่งที่เขาทำ มันทำให้เรารู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้น่าสนใจ เขาเหมือนเป็นเวิร์กกิ้ง วูแมน แต่ไม่ใช่จริงจัง ทำงานทั้งวี่ทั้งวัน แค่เต็มที่กับงานที่เขาทำกับสิ่งที่เขารักและชอบ มันทำให้คนนึงมีเสน่ห์ขึ้นมาได้ บางคนไม่ต้องสวยเลิศเลอเพอร์เฟกต์ แต่พอเขามีเสน่ห์ตรงนี้ มันทำให้เขาสวยกว่าคนที่สวยแต่ไม่มีเสน่ห์ครับ”

ฝากถึงแฟน ๆ ที่คอยเชียร์เรามาโดยตลอดหน่อย?
“ผมขอขอบคุณแฟนคลับทุกคนที่อยู่กับผมมาตั้งแต่ก่อนประกวดคลีโออีก ตั้งแต่ผมเป็นลีดเดอร์ เป็นดีเจ เป็นทียู เซ็กซี่ บอย ทุกคนเดินทางกับผมมามากมาย มันมีเรื่องราวผ่านมามากมายทั้งสุขและทุกข์ ไม่รู้จะพูดคำไหนนอกจากคำว่าขอบคุณที่อยู่กับผมมาจนถึงทุกวันนี้ และขอฝากอยู่กับผมแบบนี้ต่อไป ให้ความรักผมแบบนี้ไปเรื่อย ๆ และผมขอฝากผลงาน “แสงกระสือ” ด้วย อยากให้ไปดูว่าหนังผีแนวใหม่เป็นยังไงครับ”
        
เรียกว่าเป็นอีกหนึ่งหนุ่มที่มีความตั้งใจในการทำงานมากจริง ๆ และใครอยากพิสูจน์อีกบทบาททางการแสดงของหนุ่มเกรท อย่าพลาดแสงกระสือในวันที่ 14 มี.. นี้  ทุกโรงภาพยนตร์.

.....................................
อ้อมเอลฟ์