ข่าว'แม็กกี้-อาภา' ขอเป็นนักแสดงคุณภาพ ทุ่มเททำงานพิสูจน์ฝีมือ - kachon.com

'แม็กกี้-อาภา' ขอเป็นนักแสดงคุณภาพ ทุ่มเททำงานพิสูจน์ฝีมือ
บันเทิง

photodune-2043745-college-student-s
ตลอดเวลา 5 ปี ในวงการบันเทิงนางเอกสาวสวย แม็กกี้-อาภา ภาวิไล” วัย 26 ปี ได้รับโอกาสทางการแสดงครบทุกศาสตร์ตั้งแต่ภาพยนตร์ ละครเวที รวมทั้งผลงานละครโทรทัศน์ อาทิ แม่ค้า, แหวนปราบมาร, สารวัตรแม่ลูกอ่อน ฯลฯ และผลงานละครเรื่องล่าสุด “นางร้าย” ทางช่อง 7 สี ในบท อนุวดี” ประกบคู่กับพระเอกหนุ่ม “แชป-วรากร ศวัสกร” ในบท “สงวนศักดิ์” ที่แฟนละครยกให้เป็นคู่จิ้นคู่ใหม่ซะแล้ว วันนี้ “ดาวต่างมุม” ไม่รอช้าคว้าตัวสาวแม็กกี้มาพูดคุยถึงการทำงานในละครเรื่องนี้ รวมถึงชีวิตในวงการบันเทิงกว่า 5 ปี ตกผลึกเรียนรู้แง่มุมไหนบ้าง และเรื่องราวความรักที่ไม่เคยได้ยินแท้จริงมีหนุ่มคนไหนอาสาดูแลหรือยัง ทำความรู้จักสาวเก่งคนนี้ให้มากขึ้นได้ในบทสัมภาษณ์เลยค่ะ

บทบาท “อนุวดี” ในละคร “นางร้าย” ได้รับการตอบรับอย่างดีเลย?
“หนูดีใจมาก ๆ ค่ะสำหรับกระแสตอบรับที่ดีขนาดนี้ ขอบคุณแฟนละครจริง ๆ ที่พูดถึงคู่ของ “แม็กกี้-แชป” ดีเกินคาดจริง ๆ ไม่คิดว่าคนดูจะชอบขนาดนี้ (ยิ้ม) จริง ๆ บท “อนุวดี” ที่อ่านตอนแรกนั้นธรรมดามาก ๆ คือเป็นสาวโลกสวย มีคุณแม่ที่น่ารัก เป็นเพื่อนที่ดีของนางเอกคือ “นาว-ทิสานาฏ” ที่รับบท “แขวลัย” จนโคจรมาเจอกับ “สงวนศักดิ์” ที่ “แชป-วรากร” เล่นก็เป็นคู่กัดไม้เบื่อไม้เมากันตลอด หลังจากรับบทมาอ่าน แม็กกี้ก็เริ่มคิดดีไซน์การแสดงของตัวละครนี้ให้ชัดเจน เราจะนำเสนอทางด้านไหนได้บ้าง เราเลยเป็นเหมือนคนเบรกอารมณ์นางเอกที่ชีวิตแสนดราม่าก็ช่วยได้ทำให้คนดูชอบในบทคู่กัดกับแชป จนพูดถึงและติดตามตัวละครนี้ค่ะ”

ตอนนี้ “แม็กกี้” กับ “แชป-วรากร” แฟน ๆ ยกให้เป็นคู่จิ้นคู่ใหม่ไปแล้ว?
“ขอบคุณมากค่ะที่รู้สึกแบบนั้น เรื่องนี้หนูมองว่าแชปเกิดแน่นอน บทส่งเขามาก แชปเล่นน่ารัก คาแรกเตอร์แบบนี้แฟนละครต้องชอบแน่นอน แต่เบื้องหลังการทำงานกว่าจะออกมาน่ารักกุ๊กกิ๊กแบบนี้จังหวะในการเล่นกับเราหลายเทคเหมือนกันค่ะ แรก ๆ เราต้องปรับจูน สุดท้ายออกมาคนรักคู่เราดีใจมาก ถือเป็นอีกบทบาทพิสูจน์ให้เห็นว่าแม็กกี้สามารถเล่นบทแบ๊ว ๆ แบบนี้ได้นะ (หัวเราะ) แรก ๆ คิดว่ายาก แต่ความยากตรงการที่บท “อนุวดี” ไม่มีมุมซับซ้อนนี่แหละที่ยากสำหรับนักแสดง คาแรกเตอร์แอ๊บแบ๊ว นางเอกหน้าใหม่เข้ามาวงการใสซื่อไม่ทันคน เราจะแบ๊วยังไงไม่ดูน่ารำคาญ ไม่เยอะ เลยตีความออกมาได้แบบนี้ ขอบคุณที่ทุกคนชื่นชอบนะคะ เรียกว่าหายเหนื่อยเลยทีเดียวค่ะ”



จากภาพยนตร์สู่ละครโทรทัศน์มีความแตกต่างอย่างไรบ้าง?
“สำหรับแม็กกี้ การเปลี่ยนบทบาทในแต่ละเรื่องคือการเริ่มต้นใหม่ ยากทุกเรื่องทุกครั้งที่เปลี่ยนบทนะคะ ภาพยนตร์แตกต่างเรื่องภาพและอารมณ์ที่จะมีความสมจริงมากกว่า แต่ละครจะมีโอเวอร์แอ๊คติ้งและบล็อกกิ้งจึงไม่สมจริงร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่วิธีตีความเหมือนกัน แม็กกี้เริ่มต้นการแสดงจากภาพยนตร์ มาละครเวที และละครโทรทัศน์ ดีใจและโชคดีมากที่ได้รับโอกาสหลากหลายแบบนี้ให้เราพัฒนาตัวเองขึ้นเรื่อย ๆ แม้จะยังไม่เก่งมากซะทีเดียว แต่เราพยายามฝึกฝนเสมอ ค่อย ๆ พัฒนาไปอาจใช้เวลาแต่เชื่อว่าทุกคนเก่งได้ถ้าเราฝึกฝนตัวเองต่อเนื่องค่ะ”

แม็กกี้ดูเป็นคนที่ตั้งใจทำงานทุกบทบาทมาก?
“ใช่ค่ะ ถ้าเจอนักแสดงรุ่นใหม่ที่ไม่ตั้งใจเล่น เราจะไม่ค่อยยุ่ง แต่ถ้าเล่นคู่กันจะพยายามช่วยเขา เราช่วยได้ส่วนหนึ่ง แต่ทุกคนต้องรับผิดชอบด้วยตัวเอง เพราะแม็กกี้เล่นภาพยนตร์มาตั้งแต่เด็ก ได้มีโอกาสร่วมงานกับพี่ ๆ ผู้กำกับหลากหลายฝีมือ ทุกท่านเหมือนเป็นครูในการแสดงของเรา ที่ให้ประสบการณ์คำสั่งสอน พอเรามาทำงานตรงนี้ก็ได้เก็บเอาทุกคำสอนมาปรับใช้ คือมีวินัยในตัวเองค่ะ”

จุดเริ่มต้นของอาชีพนักแสดงของแม็กกี้ จริง ๆ อยากทำตั้งแต่แรกหรือเปล่า?
“ตอนเด็ก ๆ หนูชอบทำกิจกรรมมาก ได้ร่วมประกวดทุกอย่าง ชอบวาดภาพ งานศิลปิน ที่แข่งก็ได้ที่ 1 เสมอ แต่โตมาคุณแม่ทำโมเดลลิ่ง ส่วนคุณพ่อ (อรุณ ภาวิไล) ก็เป็นนักแสดงและผู้กำกับ เราก็คุ้นชินกับสิ่งแวดล้อม แต่ไม่เคยคิดจะทำงานด้านนี้เลย จนอายุ 16-17 ปี คุณแม่ให้ลองไปแคสติ้งน้องใหม่ร้ายบริสุทธิ์ ได้ลุง แห้ว-บัณฑิต ผู้กำกับสอนเราทุกอย่าง ตอนนั้นท้อมากทำอะไรไม่เป็น จนวันนี้รู้สึกขอบคุณอาจารย์เหล่านี้ หลักสูตรที่บอกเราถูกต้องมากเป็นความรู้ติดตัวเราว่าการเป็นนักแสดงที่ดีเป็นอย่างไร จุดเริ่มต้นตรงนั้นหนูกลับมาเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยกรุงเทพ ภาคอินเตอร์ จนจบ ก่อนกลับไปเล่นภาพยนตร์เรื่องแรก “คน-โลก-จิต” ของผู้กำกับพี่ อุ๋ย-นนทรีย์ เป็นแนวไซโคทริลเลอร์ที่หนักมาก หลังจากนั้นก็มีละครเวที “หนึ่งในดวงใจสุนทราภรณ์ เดอะ มิวสิคัล” ก่อนผู้ใหญ่ที่ช่อง 7 สนใจแล้วเรียกไปเซ็นสัญญาก็เล่นละครกับช่องมาจนปัจจุบันค่ะ”

อยู่วงการเข้าสู่ปีที่ 6 แล้วเรียนรู้อะไรจากตรงนี้บ้าง?
“ได้ทั้งความตื่นเต้น สนุก ท้าทาย ท้อเหนื่อย คือมีทุกอารมณ์จริง ๆ แต่วงการนี้ก็คือวงการมายาไม่ใช่อาชีพที่มั่นคง คุณพ่อบอกไว้เสมอเพราะท่านผ่านมาแล้ว แต่สุดท้ายเราดิ้นรนด้วยตัวเองเพื่อมาถึงจุดนี้ เขาก็ภูมิใจ ที่สำคัญที่สุดคือการที่คุณแม่ช่วยผลักดันเราจนมีวันนี้ ช่วงแรกคนเห็นนามสกุลก็ถามเยอะว่าเป็นลูกคุณพ่อมีเส้นสายแน่ ๆ เรายอมรับเป็นลูกคุณพ่อ แต่สุดท้ายความตั้งใจทำงานของเราก็ทำให้คนรู้จักและมีงานต่อเนื่อง ไม่มีผู้จ้างคนไหนอยากจ้างคนไม่เก่ง ไม่รับผิดชอบแน่นอน ทุกวันนี้หนูยังได้รับโอกาสต่อเนื่องทั้งภาพยนตร์และละคร ซึ่งทุ่มเทเต็มที่เพื่อพิสูจน์ว่าเราอยู่ตรงนี้เพราะฝีมือ อาจจะมาจากสายเลือดศิลปินด้วย เวลารับบทไหนก็ตามจะอินกับบทให้ลึก คนดูจะรู้สึกได้ว่าเราทำเป็นแสดง หรือเราแสดงสวมบทบาทนั้นได้จริง ๆ ทำงานแบบสุกเอาเผากินเอาเปรียบคนดูและนักแสดงท่านอื่นคงไม่ดี เวลาทำงานแม็กกี้จะตั้งใจ ไม่เล่น ๆ ก็เห็นผลจริงจากคอมเมนต์คนดูที่รับรู้ได้ว่าเราตั้งใจกับทุกบทบาทค่ะ”



ชีวิตในวงการบันเทิง ชื่อเสียง มีผลต่อเราบ้างไหม?
“เราเข้าวงการมาก็ทำงานด้วยและเรียนไปด้วย จึงไม่มีเวลาใช้ชีวิตชิลชิลเป็นวัยรุ่นเลย มีแต่ชีวิตในกองถ่าย ทำงาน เจอผู้คนหลากหลาย เป็นกำไรชีวิตที่ได้เจออะไรแบบนี้ ได้รู้คน ทันคน ฝึกความรับผิดชอบตัวเอง ถือว่าตอนนี้เราทำงานเป็นเหมือนเสาหลักของบ้าน ถือว่าโตเป็นผู้ใหญ่ ดูแลคุณแม่ให้ดีที่สุด จุดนี้เราจึงต้องเสียสละความเป็นส่วนตัวเมื่อเข้ามาตรงนี้ แรก ๆ ยอมรับค่อนข้างอึดอัด มีกฎ กรอบ เยอะ แต่เรามองให้เป็นระเบียบของตัวเอง ซึ่งที่ผ่านมาถ้าเราเปลี่ยนแปลงไปตรงไหน จะมีคุณแม่เป็นคนคอยชี้แนะเสมอ เพราะความเปลี่ยนแปลงในชีวิตคนเราเกิดขึ้นได้ตลอดเวลาค่ะ”

ความคาดหวังของแม็กกี้จากอาชีพนักแสดงในวันนี้?
“ที่ผ่านมาได้เล่นบทที่ตัวเองอยากเล่นแล้ว ตอนนั้นก็คิดแค่ว่าอยากได้รับรางวัลจากสมาคมผู้กำกับภาพยนตร์ ครั้งที่ 6 สาขานักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยม จากภาพยนตร์ “แม่เบี้ย” และรางวัลจากชมรมวิจารณ์บันเทิง ครั้งที่ 25 สาขานักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยม จากภาพยนตร์ “ปั๊มน้ำมัน” ก็ทำได้ตามที่ตั้งความหวังไว้ ฉะนั้นก้าวต่อไปในอาชีพนักแสดงของหนูคืออยากให้คนยอมรับฝีมือ และอยากเป็นนักแสดงที่มีชื่อเสียงระดับต่างประเทศ ซึ่งตอนนี้มีภาพยนตร์อินเดียติดต่อมาและมีภาพยนตร์ที่เป็นความร่วมมือระหว่างไทยกับจีนชื่อเรื่อง “ดับเบิล แอ๊คชั่น ทู” ค่ะ ส่วนผลงานละครหลังจากนี้ถ่ายจบแล้วมี “เพลงรักเพลงปืน” เป็นละครเพลงที่น่ารัก เรื่อง “อินทรีแดง” เป็นสายลับนักฆ่าบู๊ ๆ และละคร “ดวงใจขบถ” บทโก๊ะ ๆ ฝากทุกคนติดตามด้วยค่ะ”

ความรักของแม็กกี้ไม่มีข่าวออกมาให้ได้ยินเลย?
“ยอมรับว่าไม่มีใครเลยจริง ๆ ค่ะ ชอบมีคนบอกว่าเราเลือกได้แน่นอน ต้องมีคนเข้ามาเยอะแน่ ซึ่งไม่ค่อยมีเลย (หัวเราะ) อาจเพราะเราทำงานตลอดเวลาเป็นคนบ้างาน เรียกว่าไม่มีโอกาสได้เจอ ไม่เคยคบใครจริงจัง เพราะเราทำงานตั้งแต่เด็ก เราเลยไม่คิดจริงจัง แปลกมากเราเป็นเด็กไม่เที่ยว ไม่อยากมีแฟน ค่อนข้างปิดกั้นเพราะโฟกัสงานมากกว่า ตอนนี้เบาลงแต่ก็ยังมองว่าเรื่องความรักเป็นสิ่งที่ไม่ต้องวิ่งหา หรือพยายามมีใคร ถ้าความรักจะมาก็คงมาเองตามธรรมชาติค่ะ”

หนุ่มที่จะผ่านด่านเราได้ อยากเจอคนแบบไหน?
“อยากเจอตอนที่เราอายุเป็นผู้ใหญ่ประมาณนึงแล้ว ไม่ต้องเริ่มป๊อปปี้เลิฟ คนที่เป็นผู้ใหญ่คบแล้วใช่ก็มองไกลถึงแต่งงาน แต่ถึงตอนนี้ไม่มีใครก็มีความสุขนะ ไม่ได้เหงา หรือเรียกร้องหาความรักเลย ฉะนั้นตอนที่ยังไม่มีใครก็ทำงานเก็บเงินให้ได้เยอะ ๆ ไว้ดูแลตัวเอง หนูเป็นคนชอบเที่ยว เดินทางเพื่อเปิดโลกทัศน์มาปรับใช้กับงานและชีวิตก็สนุกดี นอกจากนี้หนูมองว่าการเดินทางให้ ประสบการณ์ เผลอ ๆ อาจจะได้เจอเนื้อคู่ก็เป็นได้นะคะ (ยิ้ม)”



ตัวตนจริง ๆ ของแม็กกี้เป็นอย่างไร?
“เราจะดูโตเป็นผู้ใหญ่ เพราะทำงานตั้งแต่เด็ก ที่สำคัญแม็กกี้ชอบอ่านหนังสือปรัชญาของคุณปู่ ศาสตราจารย์กิตติคุณ ระวี ภาวิไล เราจึงมีบุคลิกที่โตกว่าเพื่อนวัยเดียวกัน แต่ก็ขึ้นอยู่กับว่าเราไปทำงานหรือไปเจอใคร แต่ถ้าเวลาอยู่กับเพื่อนเราก็ตลก โก๊ะ ๆ ห้าว ๆ นะคะ แล้วติดคุณแม่มากค่ะ”

ฝากอะไรถึงแฟนคลับและคนที่ติดตามเรามาตลอดซักนิด?
“ดีใจที่มีแฟนคลับเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ แฟนคลับสำคัญกับแม็กกี้มากนะคะ เวลาไปงานไหนถ้ามีโอกาสจะอยู่เจอและคุยกับพวกเขาตลอด ไม่เคยรู้สึกว่าเราเป็นดาราเลย อยากให้ทุกคนรับรู้ได้ว่าเราจริงใจ เขาก็จะให้ความจริงใจกลับมา ขอบคุณทุกคนที่ติดตามผลงาน หนูได้อ่านคอม เมนต์ อะไรที่ติชมก็จะพยายามแก้ไขปรับปรุง รวมทั้งจะตั้งใจทำงานทุกชิ้นต่อไปให้ดียิ่งขึ้นค่ะ”

จากการพูดคุยกับ “แม็กกี้-อาภา” ในวันนี้เราได้เห็นตัวตน มุมมองในการทำงาน ที่เต็มไปด้วยพลังและความตั้งใจจริงมาก ๆ ไม่แปลกใจเลยที่สาวเก่งคนนี้จะมีผลงานให้แฟน ๆ ได้รับชม ฝากเป็นกำลังใจให้แม็กกี้ด้วยนะคะ.

...........................................
อรุณรัตน์ เศรษฐพูธ์ : เรื่อง / สันติ มฤธานนท์ : ภาพ