'กัปตัน' มองชีวิตด้วยความเข้าใจ ทุกปัญหาที่เข้ามาคือบททดสอบที่ดี
บันเทิง
ถามว่าในบรรดานักแสดงคลื่นลูกใหม่ของวงการบันเทิงที่เจอบททดสอบชีวิตวัยรุ่นที่ค่อนข้างหนัก หนึ่งในนั้นต้องมีชื่อของนักแสดงหนุ่ม “กัปตัน-ชลธร คงยิ่งยง” วัย 21 ปี อย่างแน่นอน สุดท้ายมรสุมที่ถาโถมเข้ามาในชีวิตของเขาก็คลี่คลายหายไป ตอนนี้กัปตันเดินหน้าพิสูจน์ตัวเองผ่านโปรเจคท์พัฒนาศิลปิน ไนน์ บาย นาย ของค่ายโฟร์โนล็อค และการแสดงผลงานล่าสุดซีรีส์ “Great Men Academy สุภาพบุรุษสุดที่เลิฟ” ทางไลน์ทีวี (Line TV) ในบท “ฌอน” เด็กหนุ่มชั้นปีที่ 2 หน้าสวย ช่างสังเกต เซนส์แรง เป็นคนแรกที่สังเกตเห็นความแปลกและดูลับ ๆ ล่อ ๆ ของ “เลิฟ” (เจมส์-ภูวดล) ที่แฟนซีรีส์ชื่นชอบ วันนี้เราคว้าตัวหนุ่มกัปตันมานั่งพูดคุยถึงการทำงานในครั้งนี้ รวมทั้งช่วงที่ชีวิตเจอบททดสอบครั้งใหญ่ตกผลึกและก้าวข้ามมาได้อย่างไร รวมทั้งจุดมุ่งหมายต่อไปในการใช้ชีวิตอยู่ในวงการบันเทิง ติดตามตัวตนของกัปตันให้มากกว่าเดิมในบทสัมภาษณ์ครั้งนี้เลยค่ะ
การทำงานในโปรเจคท์ไนน์ นาย บาย และซีรีส์ Great Men เป็นอย่างไรบ้าง?
“ตอนนี้มีซีรีส์ “Great Men Academy สุภาพบุรุษสุดที่เลิฟ” ในบท “ฌอน” เด็กชั้นปีที่ 2 ที่ช่างสังเกตเป็นคนแรกที่สังเกตเห็นความแปลก ดูลับ ๆ ล่อ ๆ ของ “เลิฟ” (เจมส์-ภูวดล) ก็กำลังสนุกแล้วมีแฟน ๆ ติดตามเยอะ ดีใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งใน ซีรีส์เรื่องนี้ ส่วนโปรเจคท์ไนน์ บาย นาย ผมได้ค้นหาความเป็นตัวผมที่ชัดเจน จากเด็กที่ไม่มีจุดหมาย ไม่มีศักยภาพอะไรเลย ทำให้ผมรู้ว่าผมต้องการหรืออยากเป็นอะไร ผมอยากเป็นศิลปินที่ดี อยากตั้งใจทำผลงานที่เราชอบออกมา ก่อนที่แฟน ๆ จะได้ชม เพราะการร้องเพลงเป็นศิลปิน แต่ก่อนผมคิดว่าง่าย คงไม่ยากเท่าการแสดง แต่การเป็นศิลปินเราต้องเอาผลงานไปพรีเซนต์ แต่เราต้องเป็นตัวเราเองโดยอิสระถึงจะสนุกกับสิ่งที่ทำ แต่ถามว่าการเป็นศิลปินมาพร้อมความกดดันไหม มีบ้างแน่นอนครับ แต่สำหรับผมเอาตัวเองเป็นหลักก่อนในการที่จะทำผลงานที่เราชอบถึงจะนำเสนอออกไป แฟน ๆ จะเห็นตัวตนเราชัดเจนซึ่งมันดีกว่าครับ”
ความสุขในการทำงานตอนนี้เป็นอย่างไร เพราะเริ่มมีบันไดหลายขั้นให้ก้าวเดิน?
“ผมมีความสุขนะครับ อยากเก่งขึ้นไปอีก อยากเป็นเหมือนศิลปินต่างประเทศที่เก่ง ๆ เหมือนเวลาที่เราดูคลิปจากที่บ้านก็อยากทำได้แบบเขา ผมเริ่มรู้สึกสนุกกับการใช้ชีวิตเสพงานศิลปะ ได้เป็นแฟนคลับของคนที่เราชอบอย่าง “จีซู” วงแบล็กพิงก์ ถึงขั้นตั้งหน้าจอเป็นรูปเขาด้วย (หัวเราะ) ชอบเขามาก เพราะเคยดูเรียลิตี้ “แบล็กพิงก์ เฮาส์” (BLACKPINK HOUSE) เจอความธรรมชาติมีความเป็นผู้นำ เสียงที่ค่อนข้างมีเอกลักษณ์ของจีซูที่ฟังแล้วก็หลงเลย ที่สำคัญศิลปินเกาหลีหลายคนที่ผมดูเป็นตัวอย่างในเรื่องความมีวินัย มีตัวตนชัดเจน ซึ่งสำคัญในการใช้ชีวิตด้วยนะ เวลาบ้านเรามีโปรเจคท์สร้างศิลปินแบบนี้ไม่พ้นถูกเปรียบเทียบ ซึ่งเป็นสิ่งที่เราบังคับไม่ได้ หลังโปรเจคท์ไนน์ บาย นายปล่อยมา 2 ปี เห็นแล้วว่าการที่เราลงทุนกับอะไรบางอย่างจะได้ผลตอบรับที่ดี ไม่เสียเปล่าแค่เราทำเต็มที่ที่สุด จะไม่เสียใจเลย ที่แก้ไขได้ก็คงเป็นการทำงานในโอกาสต่อไปให้เต็มที่ยิ่งขึ้น ใครที่ติติงมาเราก็น้อมรับเสมอ เอามาแก้ไข ไม่ใช่เอามาบั่นทอนใจครับ”
ชีวิต 5 ปีในวงการบันเทิงของกัปตันเรามีมุมมองอย่างไร?
“ผมเพิ่งเริ่มต้นนะ เพิ่งเจอสิ่งที่ชอบ ได้เจอสิ่งที่รู้สึกทำได้กับมันนาน ๆ ตอนนี้เป็นช่วงค้นหา เทรนนิ่งตัวเอง หลังจากนี้ผมจะเดบิวต์การเป็นศิลปินที่ชัดเจนขึ้น ยอมรับชีวิตในวงการได้เรียนรู้หลายอย่างมาก คำว่า “ศิลปิน” ได้เจออะไรที่แปลกใหม่ในชีวิต ผมเริ่มสนใจงานศิลปะ รู้สึกว่าศิลปะนำเสนอตัวตนเราได้ดี รู้สึกสนุกที่ได้ค้นหาตัวเองมากขึ้นจากสิ่งที่ชอบ ทุกคนมีทางเลือกของตัวเอง ผมเองก็มีอะไรหลายอย่างที่อยากทำ อยากเป็นศิลปินที่เก่ง คนยอมรับ อยากทำงานด้านแฟชั่น งานศิลปะ และอยากเป็นเชฟทำอาหาร ถ้ามีโอกาสเราอาจจะไปเทคคอร์สเพิ่มเติม สิ่งที่ผมเลือกมาคือสิ่งที่ผมอยู่ด้วยได้นานและมีความสุข ส่วนเรื่องเรียนแม้จะมีปัญหาเรื่องเวลาบ้าง แต่เพื่อน ๆ ผมดีมากที่ช่วยเหลือผมเสมอครับ”
ย้อนกลับไปช่วงชีวิตปีที่แล้วที่เจอบททดสอบใหญ่เรียนรู้อะไรจากมันบ้าง?
“ก่อนที่จะเริ่มเข้าวงการมาถึงจุดนี้ ผมค่อนข้างมีกรอบในการดำเนินชีวิตที่ไม่เคยเปิดมันออกมา พอกรอบที่ว่าถูกเปิดเพื่อรับสิ่งต่าง ๆ ก็รับมือกับมันไม่ทัน เชื่อว่าทุกคนต้องเคยเจอ แต่พอเราผ่านมันไปได้ เราได้เรียนรู้แล้วว่าจะไม่ทำให้มันเกิดขึ้นอีก เป็นประสบการณ์ชีวิตอย่างหนึ่ง ทุกคนก็บอกผมนะว่าเรียนรู้จากตัวผม ขอบคุณที่ผมเข้มแข็ง ซึ่งผมได้กำลังใจจากแฟนคลับ ซัพพอร์ตเราเหมือนครอบครัวให้ผ่านตรงนั้นมาได้ รวมถึงครอบครัวของผมที่สำคัญมาก ๆ ตอนเด็ก ๆ ผมไม่ค่อยได้ใช้เวลากับครอบครัว เรื่องราวต่าง ๆ มาด้วยกัน หลังจากนั้นเราเปิดใจฟังและคุยกันมากขึ้น ทุกอย่างดีขึ้นมาก”
กลัวกระแสคลื่นลูกใหม่และวงการที่ชื่อเสียงมีขึ้นและลงบ้างไหม?
“จริง ๆ ผมไม่ค่อยโฟกัสตรงนั้น เพราะตอนนี้ผมแฮปปี้ที่ผมมีเส้นทางของตัวเอง เลยไม่ได้กลัวคนอื่น ๆ เราอยู่กับตัวเอง อาจเพราะชีวิตในวงการของผมเริ่มต้นแบบค่อยเป็นค่อยไป ผมค่อนข้างโชคดีจากที่ได้เล่นซีรีส์แล้วมีแฟนคลับติดตาม ตอนนี้รู้แล้วว่าทุกอย่างมีขึ้นมีลง อย่าไปยึดติด เราต้องรักตัวเอง พึ่งตัวเอง ความสามารถคือสิ่งที่จะทำให้เราอยู่วงการนี้ได้ระยะยาวครับ”
ชื่อเสียงที่ได้รับมีผลต่อตัวเองไหม?
“ผมเคยหลงกับชื่อเสียง เคยหน้ามืดเหมือนกัน (ยิ้ม) พอเจ็บครั้งนึงก็คือเจ็บแล้วปล่อยวาง ทำความเข้าใจ ตั้งแต่เข้าโปรเจคท์ไนน์ บาย นาย สิ่งที่ผมเคยเชื่อว่าผมเก่ง เจ๋ง ถูกทุบออกหมด ที่จริงผมยังสู้ใครไม่ได้เลยเมื่อเจอกลุ่มเพื่อนที่มีทัศนคติว่างานเราต้องดีที่สุดถ้าไม่ดีไม่ปล่อย ต้องเลิกคิดเลยว่าเราเก่ง ไม่มีใครเก่งจริงจนกว่าจะพยายามพัฒนาตัวเองครับ”
น้อง ๆ ที่มองเป็นกำลังใจได้เจอสิ่งที่ตัวเองชอบ?
“ผมไม่อยากเรียกตัวเองเป็นไอดอลของใคร เพราะทุกคนคือมนุษย์ ซึ่งในชีวิตมีสีได้ทั้ง ขาว เทา ดำ ตัวผมเองก็เป็น “สีเทา” ไม่ได้ขาวหรือดำขนาดนั้น ผมอยากให้ทุกคนดูการทำงานเป็นแรงบันดาลใจ แต่ไม่ต้องเลียนแบบ เพราะทุกคนมีสิ่งที่ดีในตัวเองอยู่แล้วจงไปตามทางที่ตัวเองมั่นใจ ดูผมในการทำงานตรงที่ผมมีความรับผิดชอบ รักษาเวลา เลือกรับงานที่คิดว่าชอบและทำได้ดี ให้เกียรติกับผู้ร่วมงาน ถ้างานไหนผมทำได้ผมก็ตั้งใจทำให้คุ้มค่ากับที่เขาไว้วางใจเรา มันไม่ใช่แค่เรื่องเงินอย่างเดียวครับ”
ทัศนคติเรื่องความรักเปลี่ยนไปแค่ไหน?
“ก็มีคนแวะเวียนให้เราได้พูดคุย แต่ผมโตขึ้น มองอะไรกว้างขึ้น ไม่ใช่แค่ความชอบ เพราะการเป็นแฟนกันต้องซัพพอร์ตกันและกัน ไม่ใช่มางอแง แต่ละคนมีบทบาทหน้าที่ด้านอื่นที่ต้องรับผิดชอบ หันมาเจอกันก็ต้องเป็นความสบายใจ คนที่จะผ่านด่านได้ก็อาจจะอยาก ผมขอใช้เวลาเยอะ ไม่ได้สร้างกำแพงนะ ถ้ามันไปด้วยกันได้ก็คงไปโดยธรรมชาติเอง สบาย ๆ ดีกว่า แต่เรื่องงานยังสำคัญที่สุด เพราะยังมีอะไรหลายอย่างที่อยากทำในชีวิตด้วยครับ”
สุดท้ายฝากถึงคนที่รักและติดตามมาตลอด?
“ขอบคุณทุกคนที่ติดตามให้กำลังใจ ทุกอย่างผมรับไว้ทั้งหมดก่อนจะพยายามเอามาพัฒนาผ่านผลงาน ผมเชื่อว่าชีวิตคนเรามีเรื่องบวกลบเข้ามาได้เสมอ คนเราอาจต้องล้มแรง ๆ หนึ่งครั้งแล้วทุกอย่างในชีวิตจะเปลี่ยนไป ดีใจที่เคยล้มแรง ๆ ในช่วงวัยนี้ หลังจากนี้ผมจะพยายามรักษาตัวเองไม่ให้ล้มลงไปอีกครั้ง ฝากโปรเจคท์ไนน์ บาย นาย และซีรีส์ “Great Men Academy สุภาพบุรุษสุดที่เลิฟ” ด้วยครับ”
จากการพูดคุยกับ “กัปตัน-ชลธร” ในวันนี้ หวังว่าทุกคนจะได้สัมผัสถึงตัวตน ความตั้งใจที่หยิบประสบการณ์ชีวิตที่ผิดพลาดมาเป็นแรงผลักดันพัฒนาตัวเองให้ดียิ่งขึ้นไป ฝากแฟน ๆ เป็นกำลังใจให้กัปตันทุกผลงานในอนาคตกันด้วยนะคะ.
.................................................
“ฮันนี่บี”