ข่าว'กรีน' เรียนรู้ทุกข้อผิดพลาดสู่ความสำเร็จ - kachon.com

'กรีน' เรียนรู้ทุกข้อผิดพลาดสู่ความสำเร็จ
บันเทิง

photodune-2043745-college-student-s

เรียกเสียงปรบมือไปไม่น้อย สำหรับสาว กรีน-อัษฎาพร สิริวัฒน์กุล ในบทพุดจีบ จากละคร บ่วงสไบ ที่แสดงได้น้อยแต่มาก เรียบแต่ปัง แถมยังเป็นบทที่ท้าทายสุด ๆ วันนี้ ดาวต่างมุมเลยไม่พลาดมาพูดคุยกับสาวกรีนสุดพิเศษถึงบทบาทนี้ พร้อมมุมมองการใช้ชีวิตในวงการ เป้าหมายที่วางไว้ในอนาคต รวมไปถึงเรื่องความรักกับหวานใจ ธันวา สุริยะจักร ที่นับวันก็ยิ่งชัดเจนและมั่นคงด้วย

ฟีดแบ็กบ่วงสไบค่อนข้างดีมาก รู้สึกยังไงบ้าง?
“กระแสตอบรับค่อนข้างดีมาก พอเห็นแบบนี้ก็หายเหนื่อยและภูมิใจ สำหรับการเตรียมตัวมารับบท “พุดจีบ” จริง ๆ ตัวละครนี้ไม่ใช่เราเลย อย่างแรกคือเป็นพีเรียด เราต้องกลับไปฝึกเรื่องการพูดภาษาไทยโบราณให้ชัดถ้อยชัดคำ และต้องพูดให้เข้ากับบทพุดจีบ นั่นคือเรียบร้อย พูดเนิบ ๆ ช้า ๆ พูดน้อยต่อยหนัก เราก็กลับไปทำการบ้านมาว่าจริง ๆ แล้วทำไมพุดจีบถึงเป็นคนแบบนี้ จินตนาการไปถึงพ่อแม่ การเลี้ยงดู สภาพแวดล้อม ในบทเราช่วงแรกเหมือนไม่มีอะไรเล่น จะดูจมรึเปล่า แต่ผู้กำกับ พี่หนึ่ง-ชัชวาล รู้อยู่แล้วว่าจะเป็นแบบนั้น เลยพยายามทำให้เรารู้สึกว่ามันไม่ใช่แค่เรียบร้อย แต่จะใช้สายตาเล่น และใช้คำพูดในการสอน พูดครั้งนึงแล้วทำให้อีกฝ่ายเจ็บ เลยทำให้ “พุดจีบ” ไม่จม ซึ่งเพราะบทดีด้วยที่ส่งเราค่ะ”

 มีฉากไหนที่คิดว่าเป็นฉากมาสเตอร์พีซของเราในเรื่องนี้บ้าง?
“มีหลายฉากนะที่กรีนคิดว่าตัวเองเล่นออกมาได้อย่างไม่น่าเชื่อ เช่น ฉากที่ต้องโหนสลิงพร้อมแสดงอารมณ์ไปด้วย คือต้องทำหลายอย่างพร้อมกันแต่เราก็แสดงอารมณ์ความรู้สึกนั้นออกมาได้จริง ดูหน้ามอนิเตอร์ยังคิดว่าเราแสดงได้ดีกว่าที่เรายืนนิ่ง ๆ แล้วพูดด้วยซ้ำ คือคนปกติทำโน่นนี่ไปและพูดไป มันประกอบความรู้สึกมากกว่า ในละครก็เหมือนกัน เพียงแต่มันอาจถูกเตรียมมาแล้ว แต่จะทำยังไงให้มันเป็นธรรมชาติและใกล้เคียงกับความเป็นคนมากที่สุด นี่เป็นสิ่งที่กรีนจะคิดเสมอ อยู่ใต้จิตสำนึกเวลาที่เล่นละคร ไม่เว่อร์ไป ไม่น้อยไป อาจมีบางครั้งที่เราต้องเล่นใหญ่ แต่ทำยังไงให้ดูธรรมชาติค่ะ”

นอกจากด้านการแสดงพุดจีบสอนอะไรกรีนบ้าง?
“ช่วงแรก “พุดจีบ” เป็นคนที่คอยสอนคนอื่นเรื่องการทำดี ในเรื่องนี้ วิญญาณพุดจีบเคยได้ไปนรกแป๊บนึง ได้ไปเจอคนที่ทำชั่ว เราก็เอาเรื่องนี้มาบอก ไม่ให้คนทำชั่ว สะสมความดีเอาไว้ เรื่องเหล่านี้ก็สอนเรานะคะ ตอนอ่านบทกรีนก็รู้สึก เรากลัวการทำบาปอยู่แล้วและเป็นคนที่เชื่อเรื่องเวรกรรม พอกรีนปฏิบัติธรรมก็เชื่อเรื่องนี้ร้อยเปอร์เซ็นต์ เรื่องภพภูมินั้นมีอยู่จริง เป็นกฎแห่งกรรมที่มีจริง พอเรารู้แบบนี้มันก็เตือนสติในทุกวันที่จะออกไปใช้ชีวิต ซึ่งกรีนเชื่อว่าคนดูก็จะเสพได้เหมือนกับเราค่ะ”



มีผลงานอะไรอีกบ้าง?
“กรีนมีภาพยนตร์เรื่อง “บุษบา” เป็นแนวลึกลับ กรีนรับบทเป็นนักเต้นที่ตามล่าความฝัน และไปประกวดเพื่อเล่นละครเวทีในบทร้าย แต่เราเล่นไม่ได้ เลยฝึกตัวเอง จนเจอด้านร้ายตัวเองแล้วรับไม่ได้ และในโรงละครนั้นดันมีอาถรรพณ์ เราโดนครอบงำ ซึ่งเรื่องนี้น่าจะได้ดูกลางปีนี้กรีนก็ตื่นเต้นเพราะการถ่ายทำหนังกับละครก็คนละแบบ เป็นอะไรที่แปลกใหม่ดี ซึ่งการแสดงหนังมันจริงกว่า และไม่ต้องเล่นใหญ่เท่าละคร กรีนไม่คาดหวังเรื่องรายได้ แต่มองเรื่องการแสดงที่มันจะพัฒนา ให้คนเห็นเรากว้างขึ้นว่าเราพัฒนามางานแสดงหนังได้”

อยู่วงการมา 10 ปีแล้ว มีบทเรียนเด่น ๆ ที่สอนเรามั้ย?
“คือเราเข้าวงการในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ ไม่มีพื้นฐานเลย ดังนั้นคงเป็นเรื่องการปรับตัวเข้าสังคม เราเป็นคนสาธารณะแต่ก็ไม่รู้ต้องทำอะไรยังไง รวมถึงเรื่องที่คนจับตามองมากที่สุดนั่นคือเรื่องความรัก เรื่องส่วนตัว แต่เราจะทำยังไงให้มันไม่เกิดความเดือดร้อนทั้งกับเราเองหรืออีกฝ่าย เราไม่สามารถแก้ปัญหาตรงนี้ได้คนเดียวทั้งหมด แต่สิ่งที่เราทำได้คือต้องรับมือและไปต่อกับมันให้ได้ โดยต้องเริ่มจากตัวเรา นี่เป็นสิ่งที่กรีนได้เรียนรู้ ถ้าย้อนไปเมื่อ 7-8 ปีที่แล้ว เรารู้สึกว่ามีอารมณ์เวลาโดนสัมภาษณ์แต่ไม่ได้แสดงออก แต่เรารู้สึกแบบทำไมไม่เข้าใจเรา ทำไมมองแต่ในมุมตัวเอง แต่พอเราเริ่มโตขึ้น ย้อนกลับไปคิดถึงตรงนั้น ก็ทำให้เรารู้สึกว่าเราก็มองแต่ในมุมเราเหมือนกัน เขาก็มองในมุมเขา นี่คือโลกใบนี้ เรารู้เลยว่าสิ่งที่เราทำได้คือต้องอยู่ตรงกลาง อยู่กับมันอย่างเข้าใจและปล่อยวาง อย่าทำให้สภาพจิตใจตัวเองย่ำแย่เพราะความคิดที่ว่าทำไมไม่มองมุมเรา ซึ่งเราเห็นแก่ตัวที่มองแต่มุมเราเหมือนกัน ที่กรีนคิดได้แบบนี้มาจากที่กรีนได้อ่านหนังสือจิตวิทยา ปรัชญา รวมถึงหนังสือแนวธุรกิจ ที่มีเรื่องจิตเข้ามาเกี่ยวข้อง พวกนี้มันสอดแทรกกันอยู่ หนังสือเหล่ามีแกนที่คล้ายกัน นั่นคือหลักการใช้ชีวิต เราเลยได้ยกระดับความคิด สิ่งเหล่านี้ทำให้กรีนเย็นลง พอเรามีแนวทางตรงนี้และไปปฏิบัติธรรม มันคือแนวเดียวกัน นั่นคือสมาธิ สติต้องไปด้วยกัน และทำให้เราเกิดปัญญา สามารถแก้ไขทุกปัญหาได้ ณ วันนี้ถ้าใครมาวิจารณ์กรีนรับฟังได้ แต่ไม่โกรธ มันเป็นข้อคิดเห็น เราห้ามไม่ได้อยู่แล้ว แต่ก่อนเราอารมณ์ร้อนมากแต่เดี๋ยวนี้คือพลิกจริง ๆ จากการที่เราได้อ่านหนังสือ เราโตขึ้นด้วยประสบการณ์ สิ่งผิดพลาดต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นมาทำให้เราได้เรียนรู้มาก แต่ดีแล้วที่ผิดพลาด เพราะถ้าไม่ผิดพลาดเลยเราจะไม่ได้เรียนรู้ แทนที่เราอยากย้อนเวลากลับไปได้ แต่ไม่นะ กรีนรู้สึกว่าอยู่กับปัจจุบันและต้องขอบคุณอดีตที่ทำให้เราได้เรียนรู้มากกว่า ที่ทำให้เรามีวันนี้ พอเรามีวันนี้นั่นหมายความว่าอนาคตเราไม่ทำผิดซ้ำที่เดิมแน่นอนค่ะ”

มองตำแหน่งตัวเองในวงการบันเทิงไว้ตรงไหน?
“มาตรฐานการแสดงของกรีนไม่ได้มองแค่การเป็นนักแสดงในเมืองไทย ถ้ามีโอกาสกรีนก็มองการแสดงในต่างประเทศ อย่างที่บอกว่าอีกเป้าหมายการแสดงมันก็เชื่อมไปกับธุรกิจของกรีนด้วย ด้วยความที่ธันวาเป็นคนลาว เขาก็อยากไปทำธุรกิจที่ลาว รวมไปถึงที่จีนและเกาหลี ซึ่งถ้าเราได้ทำการแสดงในประเทศเหล่านั้นมันก็ช่วยส่งเสริมธุรกิจเราด้วย เดินคู่กันไปค่ะ”



ความสัมพันธ์กับธันวายังมีอะไรที่ต้องปรับกันอีกรึเปล่า?
“ก็ชัดเจนมากขึ้นค่ะ เราคบกันมา 3 ปี จะเข้าปีที่ 4 แล้ว แต่ยังต้องปรับกันตลอด ทุกวันนี้ยังทะเลาะกันหลายเรื่อง แต่ในที่นี้ไม่ใช่ว่าตีกันหรือเลิกกัน มันแค่ความคิดเห็นไม่ตรงกัน เขาก็มีมุมของเขา เราก็มีมุมของเรา แต่ก็พยายามให้มาอยู่ตรงกลางมากที่สุด และเรื่องนิสัยด้วย ธันวาจะใจร้อนกว่ากรีน แต่เขาพยายามปรับ และกรีนเห็นว่าคนไหนที่พยายามหรือเปลี่ยนแปลงพัฒนาตัวเอง เราก็พร้อมให้โอกาส ไม่ว่าจะเป็นครั้งที่เท่าไหร่ก็ตาม แต่ถ้าเห็นความพยายามเขา เราก็พร้อมซัพพอร์ตและสนับสนุนแก้ไขในสิ่งที่เขาอยากให้มันดีขึ้น ถ้าเทียบกับแต่ก่อนตอนนี้ธันวาดีขึ้นมากแล้ว และเขาดีขึ้นได้มากกว่านี้อีก ค่อย ๆ พัฒนาไปเรื่อย ๆ ทุกวันที่เราออกไปใช้ชีวิตด้วยกัน มันได้เรียนรู้กันตลอด มีอะไรก็แชร์กัน อย่างเมื่อเช้าเราคุยโทรศัพท์กัน เขาก็มีบอกเออ อันนี้เขาคิดไม่ถึงจริง ๆ บางคนก็มองข้ามบางอย่างไป มันทำให้เราได้ช่วยเติมตรงนี้ให้กันและกันได้มากขึ้นค่ะ คือมันช่วยกันได้เยอะแต่ก็ไม่ใช่ทุกอย่าง บางอย่างเขาก็ตัดสินใจเอง ต้องให้มีพื้นที่ของเขา บางอย่างกรีนก็มีพื้นที่ของ กรีน ถ้าเป็นเมื่อก่อนมันก็มีเหมือนกันในจุดที่มาต่อกันไม่ติด ยังไงก็ไม่ได้จริง ๆ แต่ก็ประคับประคองจนถึงทุกวันนี้ได้ก็เพราะผิดพลาดเนี่ยแหละเราเลยได้เรียนรู้ พอเรียนรู้มันเลยทำให้เราเกิดความใกล้ชิดและสนิท กลายเป็นความรักที่มันขาดกันไม่ได้ค่ะ”

บางคู่ต่อกันไม่ติดก็ยอมแพ้ จบความสัมพันธ์ แต่อะไรคือสิ่งที่ทำให้เราจับมือผ่านช่วงเวลาที่ต่อไม่ติดนั้นมาได้?
“มันน่าจะเหมือนกันทุกคู่ คือเราอยากทำเพื่อครอบครัวที่บ้านเรา ทำเพื่อครอบครัวที่ลาวของเขา อาจเป็นตรงนี้ที่ยึดเราทั้งคู่ไว้ เราอาจไม่ใช่คู่หวือหวา ที่โอ้โห! หวานหยดย้อย ก็ค่อยเป็นค่อยไปในทุกอย่าง ปรับตัวเรียนรู้กันไป อาจเป็นตัวกรีนเองด้วยที่เวลาที่สนใจใคร ก็ค่อย ๆ เรียนรู้ ต่อให้ผิดยังไงก็พร้อมให้อภัยกัน ให้โอกาสตลอด จริง ๆ กรีนก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไรที่ทำให้เรามาถึงจุดนี้ มันอธิบายไม่ได้ แต่ ณ วันนี้ก็ดี ถือว่าเลือกไม่ผิดค่ะ (ยิ้ม)”

ทำธุรกิจกับธันวาพอเป็นคนรักมาทำธุรกิจด้วยกัน มักจับตาเรื่องขัดแย้งจากธุรกิจ?
“เราคุยกันเคลียร์จบไปแล้ว ถ้าเราเชื่อใจกัน และเราก็เชื่อตัวเองกันด้วยว่าเราจะเป็นแบบที่เราพูด ก็จะไม่มีปัญหา และที่ผ่านมาก็ไม่มีปัญหา เราเคยมีทะเลาะกันเรื่องงานบ้าง แต่ไม่ถึงกับทำให้คู่เราแตกหัก เราแยกเรื่องงานและเรื่องส่วนตัวออกจากกัน แต่บางทีมันก็มีปน ๆ มาบ้างนะ (ยิ้ม) แต่พอปนปุ๊บเราก็ให้พื้นที่กันสักพัก เพื่อคิดทบทวน อย่างที่บอกว่าพอเขามีวิธีคิดแบบเดียวกันกับกรีน ต่อให้มีปัญหาอะไร แต่วิธีคิดแบบนี้มันจะวิ่งตรงเข้ามาหากันอยู่ดี นั่นทำให้เราเห็นตรงกัน ทำให้เรารู้ว่าสิ่งนี้ผิดนะ ไม่ควรทำ เราผิดเราก็ขอโทษ เขาผิดเขาก็ขอโทษ มันคือเรื่องการยอมรับ ที่เราต้องยอมรับตัวเราก่อน ธันวาก็ต้องยอมรับตัวเองก่อน ถึงจะมายอมรับอีกฝ่ายได้ค่ะ ส่วนแพลนธุรกิจไปลาว ก็เป็นแฟรนไชส์ชานมไข่มุกของไทย ไปเปิดที่ปากเซ บ้านของธันวา ตอนนี้อยูในช่วงการทำร้าน ซึ่งน่าจะเห็นก่อนกลางปีนี้ค่ะ”



พอมามุ่งธุรกิจ ก็เหมือนลงขันสร้างเนื้อสร้างตัวด้วยกัน?
“มันคือการสร้างเนื้อสร้างตัวเรานี่แหละค่ะ (ยิ้ม) เป้าหมายเดียวกันของเราคือครอบครัว อยากให้พ่อแม่เราอยู่สบาย บั้นปลายชีวิตเราก็มีความฝันไปเที่ยวกันแบบไม่ต้องกังวลเรื่องเงิน แบบทำงานหนักทั้งปีเพื่อเก็บเงินเที่ยวปลายปี ใช้เงินจนหมดแล้วทำงานใหม่กรีนไม่อยากเป็นแบบนั้น แต่อยากไปเที่ยวตอนไหนก็ได้ที่อยากไป ใช้เงินตอนไหนก็ได้ที่อยากใช้ เราจึงต้องหาทรัพย์สินที่ทำเงินให้กับเราได้ เราทั้งคู่มีวิธีคิดแบบนี้เหมือนกัน ตอนแรกมายด์เซตเราก็ไม่ได้มีอะไร แต่มันเริ่มจากว่าเราอ่านหนังสือ เลยทำให้เปลี่ยนมาคิดแบบนี้ กรีนกับธันวาอยากลุกขึ้นมาเปลี่ยนตัวเอง ไม่อยากอยู่ไปแบบนี้ แต่อยากดีขึ้นกว่านี้ และเราต้องหาทางแก้ปัญหา และก็มาถึงวันนี้ได้”

ก่อนหน้านี้ค่อนข้างเก็บเรื่องความสัมพันธ์ไว้เป็นส่วนตัว อะไรทำให้กรีนมั่นใจทำให้มันดูชัดเจนขึ้น?
“ด้วยความสนิทมากขึ้น ก็มีความชัดเจนในหลายอย่าง ทั้งเรื่องธุรกิจและงานต่าง ๆ ที่เราเริ่มชัดเจนมากขึ้น เราเป็นนักแสดงด้วยกัน พอเขามาอยู่กับผู้จัดการอีกคน เราก็ช่วยหางานให้กัน ก่อนหน้านี้มันไม่ค่อยชัดเจนและเราเป็นผู้หญิงแน่นอนในสังคมไทยก็มาลงที่ผู้หญิงมากกว่า พ่อแม่เราอีก ตัวเราไม่เป็นไรหรอกแต่เราอยากเซฟครอบครัวมากกว่า ไม่อยากให้มีข่าวแบบนี้ออกมาเยอะ ๆ แล้วเขาต้องเครียด และธันวาก็ทำให้กรีนมั่นใจในระดับนึงด้วย กรีนถึงกล้าชัดเจนค่ะ”

สิ่งที่ธันวาทำให้ ประทับใจที่สุด?
“หลายเหตุการณ์เลย เช่น วันเกิดป๊ากรีน เขาก็โทรฯไปแฮปปี้เบิร์ธเดย์ด้วยตัวเขาเอง หรือวันเกิดแม่เขาก็โทรฯ หาแม่เอง ซึ่งกรีนบอกเขาเองว่าถ้ารักเรา สิ่งที่ต้องให้ความสำคัญมากกว่าคือพ่อแม่เรา ซึ่งการที่ธันวารักครอบครัวเรา ก็ซื้อใจกรีนได้ แต่สิ่งที่เขาซื้อใจกรีนได้อีกอย่าง คือเขายอมปรับตัวเอง จริง ๆ กว่าจะมาถึงวันนี้ก็ขรุขระมาก แต่เขายอมปรับตัวเอง แปลว่าเขายอมปรับก็เพราะเราจริง ๆ จนมีเรื่องเหล่านี้เข้ามา เราถึงได้เห็นว่าเขามีมุมที่เราไม่คิดว่าเขาจะมี”

ได้เรียนรู้อะไรจากธันวาบ้าง?
“เยอะนะคะ แต่ก่อนกรีนไม่ค่อยมั่นใจในตัวเอง เวลามีอะไรก็จะโทษตัวเอง ย่ำยีตัวเอง ร้องไห้ ชีวิตเศร้าบัดซบมาก แต่ธันวาเป็นคนมั่นใจในตัวเองมาก เชื่อในสิ่งที่ตัวเองทำ ผลลัพธ์ที่ได้ทุกอย่างเป๊ะ เราก็ได้ส่วนนี้เขามา แต่บางทีสิ่งที่ธันวามี ถ้ามันมากเกินไป คนก็จะมองว่าหลงตัวเอง แต่ถ้ามีเราช่วยลดของเขาลงมาและเขามาเพิ่มของเรานิดนึง วันนี้มันก็เลยบาลานซ์กัน”



คาดหวังรักครั้งนี้ ถึงขั้นมองเรื่องแต่งงานไว้มากน้อยแค่ไหน?
“กรีนยังไม่ได้มองเรื่องแต่งงานค่ะ แต่ธันวาจะมีบ้าง เขาได้อิทธิพลจากแม่เขา ที่อยากอุ้มหลาน แต่กรีนบอกว่าไม่พร้อมเบ่ง (หัวเราะ) คือคำว่าไม่พร้อมของเรา ไม่ใช่ว่ากรีนไม่เลือกเขานะ ก็เลือกเขานั่นแหละ แต่ยังนึกภาพใส่ชุดแต่งงานไม่ออก กรีนยังอยากทำอะไรอีกหลายอย่าง อยากให้มั่นคงทั้งพ่อแม่และที่บ้าน เราก็มีหนี้สินเยอะ อยากชำระตรงนี้ให้หมดสิ้น กรีนมองว่าไม่เห็นเป็นอะไรเลย ทุกวันนี้เทคโนโลยีการแพทย์ล้ำมาก ไม่ต้องกลัวว่าอายุมากแล้วจะไม่มีลูก กรีนยังเคยบอกกับเขาว่าไม่มีลูกก็ไม่เห็นเป็นไร เดี๋ยวค่อยไปรับเลี้ยงเด็กอุปถัมภ์ก็ได้ แต่เขาก็ไม่เอา คือกรีนเป็นคนง่าย ๆ จะมีความละเอียดบางเรื่อง ส่วนธันวาเป็นคนจริงจัง ค่อนข้างเครียด ต้องทำให้สำเร็จ บางครั้งการที่เขาเป็นแบบนั้นแล้วพอมาถึงบางเรื่องที่ผิดพลาด เขาก็จะดาวน์ เราคอยบอกให้เขาเรียนรู้และลดลงมาค่ะ”

ท้ายสุดฝากถึงแฟน ๆ หน่อย?
“10 ปีที่อยู่ในวงการนี้ก็ต้องขอบคุณแฟนคลับ ตั้งแต่ที่เราอยู่เอเอฟ เราก็ทั้งล้มลุกคลุกคลานไม่รู้ต้องประคองหรือดูแลแฟน ๆ ยังไง กรีนไม่รู้เลยจริง ๆ เราผิดพลาดมาเยอะและก็ได้เรียนรู้ ต้องขอโทษแฟน ๆ หลายกลุ่มที่ผ่านมา ที่เราอาจดูไม่ทั่วถึง ต่อให้วันนี้คุณไม่ได้เป็นแฟนคลับกรีนแล้วก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าชื่นชอบละครกรีนก็ติดตามได้ตลอด อยากให้ทุกคนรักเราเพราะการเป็นตัวเราและสบายใจที่จะรักเรา ไม่จำเป็นต้องเชียร์แค่เราคนเดียวอยากขอบคุณแฟน ๆ ที่ซัพพอร์ตกันเงียบ ๆ หลังบ้านเราด้วยค่ะ”

ต้องบอกว่าเป็นเพราะความตั้งใจ รวมไปถึงการกล้ายอมรับสิ่งที่ผิดพลาดอย่างกล้าหาญ และเรียนรู้เพื่อไม่ทำผิดอีกซ้ำสอง เลยทำให้สาวกรีนงานก็รุ่งความรักก็เริ่ดแบบนี้ และเชื่อว่าเธอจะทำทั้งเรื่องงานและหัวใจให้ดีขึ้นยิ่งกว่านี้ได้อีกแน่นอน.

............................................
วันวิสาข์ ดอกเงิน : เรื่อง / พิชญวัฒน์ ปรุงศักดิ์ : ภาพ