'เอ็มยศ' ลุยงานเบื้องหน้าเบื้องหลัง เพิ่มประสบการณ์ให้ดีขึ้น
บันเทิง
หลังจากเมื่อปีที่แล้ว “ฮันนี่บี” นัดแนะหนุ่มมากความสามารถอย่าง “เอ็ม-ยศวัศ สิทธิวงค์” หรือ “เอ็มยศ” ศิลปินคนแรกของ แสตมป์-อภิวัชร์ เอื้อถาวรสุข ผู้ก่อตั้งค่ายเพลง “นึง-สอง-ซั่ม เรคคอร์ดส์” (123Records) โดยเอ็มเติบโตจากงานเบื้องหลังอย่างโฆษณา ภาพยนตร์ แต่ที่แฟน ๆ จดจำได้เยอะขึ้นคือจากภาพยนตร์สารคดี “2215 เชื่อ บ้า กล้า ก้าว” รับหน้าที่ช่างภาพบันทึกฟุตเทจการวิ่งในโครงการ “ก้าว” ของ “ตูน บอดี้สแลม” นั่นเอง ซึ่งแฟน ๆ เดลินิวส์ได้ทำความรู้จักผ่านผลงานเพลงเพราะมิวสิกวิดีโอน่ารัก ทั้งเสาอากาศ, พจนานุกรม และล่าสุดเพลง “บ๊อบเท” ที่แต่งเนื้อ กำกับถ่ายทำ มิวสิกวิดีโอเพลงนี้ด้วยตัวเองเช่นเดิม เราจึงนัดแนะหนุ่มเอ็มยศมาเล่าการทำงานเพลงใหม่นี้ รวมถึงสำรวจความคิด มุมมอง ต่อวงการเพลงที่ผ่านมาและแพลนใหม่ ๆ ในปีนี้เติบโตอย่างไรบ้าง ติดตามในบทสัมภาษณ์ได้เลยค่ะ
ปีที่แล้วถือเป็นปีทองของคุณในเรื่องของการทำงานในวงการบันเทิงนะ?
“ผมก็รู้สึกแบบนั้นเช่นกันว่าผมโชคดีมาก ๆ นับตั้งแต่โอกาสที่ได้ร่วมทำงานในภาพยนตร์ “2215 เชื่อ บ้า กล้า ก้าว” ก็เวลาผ่านไปเร็วมากปีนึงไปแล้วที่จบโปรเจคท์ไป พอผมมีเวลาว่างก็เริ่มมานั่งโฟกัสที่งานเพลงต่อ ตกผลึกได้ว่าอยากใส่ใจคนฟังเพลงมากขึ้นว่าเวลาไปเล่นคอนเสิร์ตเขารู้สึกยังไง แต่ทำเบื้องหลังกับภาพยนตร์ก็ยังเป็นงานหลักผมอยู่เช่นเดิม จากที่สำรวจมาเห็นกระแสตอบรับเยอะขึ้นเป็นรูปธรรมว่าคนไหนมีรอยยิ้มกับเพลงไหนของเรา อย่างเพลงล่าสุดที่ปล่อยเมื่อปลายปีที่แล้ว “บ๊อบเท” ก็เหมือนเพลง “เสาอากาศ” ผมว่าผม คิดเป็นวิทยาศาสตร์มากขึ้น รู้ว่าแบบไหนใช่และเหมาะกับเรา จาก เสาอากาศ, พจนานุกรม จนมา “บ๊อบเท” เหมือนเดิมแค่ตรงที่ผมหยิบเรื่องราวของตัวเองมาเขียน จึงไม่กังวลว่างานเพลงจะไม่ใช่ตัวเราแท้จริง จึงไม่กดดันว่า เอ็มต่อไปนายต้องทำเพลงรักหวาน ๆ นะ เพลงผมพูดถึงความรักหลายมุมนะ แค่ใช้คำในการสื่อสารต่างเท่านั้นครับ”
แล้วเพลง “บ๊อบเท” พูดถึงเรื่องอะไร ที่มาจากไหน?
“ผมแต่งเนื้อเพลงไว้เมื่อ 10 ปีที่แล้ว ได้ไอเดียจากภาพยนตร์อินดี้ของญี่ปุ่น “เรนโบซอง” ที่แสดงโดย “ยูริ อุเอโนะ” ที่เขาเล่นบท “โนดาเมะ” เขาตัดผมสั้น ผมชอบ เลย ไปถามเพื่อนว่าทรงแบบนั้นคืออะไร เพื่อนผมบอก “ทรงบ๊อบ” ก็รู้สึกสะดุดเลย อยากแต่งเพลงถึงผู้หญิงทำผมทรงนี้ ทรงบ๊อบเท เคยฮิตตอนที่พี่ก้อย-รัชวิน ตัด แต่เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยเห็นแล้ว มุมมองของผมรู้สึกว่าตอนเรียนอยู่เชียงรายบ้านเกิด ไม่ค่อยได้เห็นคนทำผมทรงนี้ พอมาเรียนที่กรุงเทพฯ สาว ๆ ทำผมโฉบเฉี่ยวจัง เหมือนเราได้เห็นอะไรใหม่ ๆ ก็เขียนเพลง “บ๊อบเท” ใช้ประกวดดนตรี แล้วก็หยิบมาทำใหม่เปลี่ยนท่อนฮุกจากเดิมภาษาไทยเป็นภาษาอังกฤษที่ลื่นไหลในคำมากขึ้น ปะติดปะต่อเรื่องใหม่ถึงโมเมนต์คนที่เราแอบชอบครับ มีโปรดิวเซอร์คือ “ปกป้อง จิตดี” มาช่วยทำเมโลดี้เสร็จเราได้ลุกขึ้นมาเต้นด้วยกันด้วย นี่แหละบรรยากาศที่ชอบ ใส่เครื่องเป่านิด ผสมท่อนโซโล่มา ทำออกมาแบบไม่ได้อยากเป็นแนวไหน เราแค่ชอบแบบนี้นั่นเองครับ”
การตอบรับจากแฟน ๆ ที่ฟังเพลงนี้ค่อนข้างโอเคทีเดียว ทุกคนชอบ?
“ขอบคุณมากครับ แต่ทุกคนบอกกลัววิกบ๊อบเทของผมมาก (หัวเราะ) แล้วก็คอมเมนต์ว่าหน้าหนูไม่เข้ากับทรงนี้เลย แต่หลายคนชอบผมก็ดีใจมาก พยายามไล่ตอบคอมเมนต์ทุกคนในโซเชียล ถึงเขาจะชม เราก็พิมพ์กลับให้รู้เราฟังเขาอยู่นะ เราถึงจะได้ฟีดแบ็กจากเขาจริง ๆ ไม่ใช่แค่เขากดหัวใจส่งให้ ส่วนใหญ่แฟนเพลงของผมก็บอกตรง ๆ ชอบงานเราแง่มุมไหน ไม่ใช่ชมแบบทั่วไป ได้ตั้งคำถามแชร์ความคิดเห็นกันสนุกดีครับ”
มิวสิกวิดี โอเพลงนี้ยังลงมือคิดคอนเซปต์ กำกับ ถ่ายเองเช่นเคย?
“ใช่ครับ ไอเดียคือใคร ๆ ก็ตัดผมทรงบ๊อบเท ไม่ต้องมีเหตุมีผลเยอะ ดูแล้วสนุกเหมือนดูการ์ตูน เรื่องราวจึงเป็นช่างตัดผมผู้ชาย ที่ได้มาตัดผมเด็กผู้หญิงที่ไว้ผมเหมือน “ซาดาโกะ” ในหนังสยองขวัญญี่ปุ่น ผมเดินหาชุด โลเกชั่นเองหมด ได้ชวนพี่แสตมป์ และ ปัง ตันเต๊ก มาแจม ด้วย โดยเฉพาะพี่คนที่เล่นเป็นช่างตัดผม ชื่อ “พี่เบียร์” เจอกันจากขบวนวิ่งของพี่ตูนนี่แหละครับ พี่คนนี้จะชอบเต้นในขบวน พี่เบียร์น่ารักมาก เลยชวนเขามาสนุกมากครับ คอมเมนต์แฟน ๆ ก็บอกนะว่าผมจะทำเองหมดเลยเหรอ ใช่ครับ ถ้าแฟน ๆ จะได้เห็นมิติการทำงานด้านอื่นของผมครบก็เป็นประโยชน์ดีนะ ผมชอบคนทำงานเอง แบบ “เบน สติลเลอร์” ที่ทำภาพยนตร์ “MITTY”, น้าหม่ำ จ๊กมก หรือโจวซิงฉือ ก็ล้วนจะกำกับเอง เล่นเอง แต่ในอนาคตก็อยากมีโอกาสร่วมงานกับท่านอื่น ๆ จะได้เห็นมุมหลากหลายขึ้นครับ”
คุณชินกับการเดินสาย โชว์สด เล่นคอนเสิร์ต บนเวทีหรือยัง?
“ที่ผ่านมามีโอกาสเล่นงาน “แคท เรดิโอ” ที่ต้องโชว์ต่อจาก “ภูมิ วิภูริท” และเวที บิ๊ก เมาท์เทน ก็โชว์ต่อจากน้องอิมเมจ (หัวเราะ) นี่เป็นสิ่งที่เรียนรู้ หลังจากจบทำหนัง “ก้าว” ไม่มีอะไรจะเสียแล้วครับ ความรู้ในการทำตรงนี้น้อยก็ไปเพิ่มเติม วิธีเจอผู้คน วิธีพูดกับคน พยายามศึกษามากขึ้น แต่เล่นสดนี่มหัศจรรย์มากนะครับ เต้นมากนะ เรารู้ตัวว่าตัวเองตื่นเต้น แต่คนที่เขามารออะไรบางอย่างจากเราไม่ใช่จะอยากได้ความตื่นเต้นของเรา ฉะนั้นผมต้องทำออกมาให้ดีที่สุด แต่ก็ประทับใจนะในงานแคท เรดิโอ กำลังเซตกีตาร์หน้าเวที เห็นน้อง 3 คน วัยมัธยม ผมก็ถาม “น้อง ๆ มารอดูวงอะไรเหรอ” น้องตอบผมว่า “มาดูเอ็มยศนี่แหละครับ” ผมร้องเลย “เฮ้ย! ขอบคุณมาก” น้องชื่อก้องก็ขอบคุณเขาที่มาเป็นพลังใจให้ผมดีมาก จะขึ้นคอนเสิร์ตไหนก็ตาม ผมชอบคิดว่าคนดูน้อยแน่ สบประมาทตัวเองไปก่อน แต่พอหน้างานจริง คนเยอะมาก ทำให้ผมได้รู้ว่าเราต้องเคารพคนฟัง เพราะเพลงคือการสื่อสารรูปแบบหนึ่งที่ไม่ว่าร้องภาษาไหนก็ได้รับการตอบรับกลับมาทันที ขอบคุณทุกคนมากครับ”
ช่วงทำภาพยนตร์ “2215 ฯ” คนรู้จักคุณและตามหาว่าตากล้องที่คอยแซวพี่ตูนตลอดทางคือใคร?
“ใช่ครับ (หัวเราะ) ก็มีส่วนช่วยให้ผมเป็นที่รู้จักมากขึ้น แต่สำคัญกว่านั้นช่วยด้านประสบการณ์งานเบื้องหลัง เพราะเราเจอศิลปินเบอร์ใหญ่ในวงการ พี่ตูนก็จะช่วยแนะนำผมว่าเป็นศิลปินน้องใหม่กับพี่ ๆ ที่มาวิ่ง อย่างพี่เมธี ลาบานูน บอกผมว่าถ้าเรามีความสุขที่จะทำงานดนตรีก็ให้สู้ต่อไปเต็มที่ ขอบคุณพี่เมธีมากจริง ๆ ครับ ภาพยนตร์เรื่องนี้ให้อะไรผมเยอะมาก คือเป็นภาพยนตร์สารคดีแรกที่ได้ทำ เรียนรู้การลดความคาดหวังหรืออีโก้ เพราะไม่สามารถควบคุมสิ่งที่อยู่ตรงหน้าได้ คาดหวังอะไรไม่ได้ สิ่งที่ทำได้คือปรับมุมมอง ต้องใจเย็น เคยหงุดหงิดที่ตัวเองถ่ายไม่สวย พี่ไก่-ณัฐพล ผู้กำกับ บอกให้ใจเย็น ๆ เริ่มใหม่ ก็ค่อย ๆ ใจเย็นกลายเป็นสนุกไป เรื่องการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าและจัดการกับสิ่งที่ควบคุมไม่ได้ ก็ปรับใช้กับงานเพลงได้เช่นกันครับ”
แพลนในการทำงานของปีนี้มีด้านอื่น ๆ อีกหรือเปล่า?
“ผมเล่นซีรีส์ช่องจีเอ็มเอ็ม 25 ด้วย งานบันเทิงเริ่มมาบ้าง ทางจีเอ็มเอ็มเขาติดต่อมา เห็นคาแรกเตอร์ “คนขี้แพ้” หรือ “ลูซเซอร์” ของผมได้ตั้งแต่เล่นมิวสิกวิดีโอเพลงของ “อะตอม ชนกันต์” แล้ว ก็ไปแคสติ้งได้มา การแสดงน่าจะเป็นอีกศาสตร์ที่สามารถเติมศักยภาพดนตรีและการทำภาพยนตร์ของผมได้ด้วยครับ แล้วเดี๋ยวค่ายเรามีเพลงใหม่เพิ่งอัดกับพี่แสตมป์ และ ปัง ตันเต๊ก จะขยันทำเพลงใหม่ให้ฟังมากขึ้นครับ”
มองวงการเพลงไทยทุกวันนี้อย่างไรหลังจากได้สัมผัสมาสักพัก?
“ยังรู้สึกเหมือนวันนั้นว่าตัวเองยังเด็ก มาวันนี้ก็ยังรู้สึกแบบนั้น แต่อยากเพิ่มเรื่องการขับเคลื่อนงานด้วยพลังเด็ก เพราะรุ่นพี่ศิลปินบางคนก็พยายามขยับลดตัวเองลงเป็นเด็กอีกครั้งในการทำงาน เพราะทิศทางวิธีที่จะช่วยให้การทำเพลงรอดคือเราต้องสนุก ไม่ใช่หวังแต่กำไร ถึงเงินมีส่วนขับเคลื่อนคนทำงาน แต่พลังจากการทำงานที่มีความสุขก็สำคัญเช่นกันครับ”
ความรักของเอ็มยศล่ะ?
“แฮปปี้ดีครับ ไปด้วยกันได้ ทำอาชีพและวัยใกล้กัน คือเราโตแล้วก็เลยไปเรื่อย ๆ เขาเองไม่รู้สึกว่าผมมีชื่อเสียงเราก็ยังคงเหมือนเดิม”
สุดท้ายฝากอะไรถึงแฟน ๆ ที่ติดตามบ้าง?
“อยากขอบคุณทุกความคิดเห็นที่มาแชร์กัน รวมทั้งฝากติดตามเพลงผมเยอะ ๆ ในฐานะคนบ้างานเนอะ เราจะได้ปรับปรุงให้ดีขึ้นเรื่อย ๆ บางคนโหลดเพลงฟังแล้วฟีดแบ็กกลับมา เพราะเขารู้สึกกับมันจริง ๆ เราคนทำงานก็อยากทำงานให้ดีขึ้นไปอีก ผมพยายามตอบกลับทุกคนที่มาคุย แล้วจะทำเพลงให้ดีขึ้นเรื่อย ๆ ครับ”
จากการพูดคุยกับ “เอ็มยศ” ในวันนี้ รู้สึกประทับใจ มุมมอง ความคิดในการพัฒนาตัวเองบนเส้นทางการทำงานหลายมิติของเขาอย่างมาก ฝากทุกคนให้กำลังใจเขาในโอกาสต่อไปด้วยนะคะ.
..........................
ฮันนี่บี