ข่าว'บอดี้สแลม'ย้ำแพสชั่นดนตรีไม่มีหมด สุขเมื่อทำสิ่งที่รัก - kachon.com

'บอดี้สแลม'ย้ำแพสชั่นดนตรีไม่มีหมด สุขเมื่อทำสิ่งที่รัก
บันเทิง

photodune-2043745-college-student-s

กลับมาพร้อมอัลบั้มใหม่ชุดที่ 7 ที่ชื่อ วิชาตัวเบา ให้หายคิดถึงมาพักใหญ่แล้ว สำหรับ 5 หนุ่มวงบอดี้สแลมที่มีสมาชิกคือ ตูน-อาทิวราห์ คงมาลัย, ปิ๊ด-ธนดล ช้างเสวก, ยอด-ธนชัย ตันตระกูล, ชัช-สุชัฒติ จั่นอี๊ด และ โอม เปล่งขำ สังกัดค่ายจีนี่เรคคอร์ด กับซิงเกิ้ลอย่าง ใครคือเรา, วิชาตัวเบา, แสงสวรรค์, ครึ่ง ๆ กลาง ๆ และเพลงล่าสุด 149.6 ก่อนจะปล่อยอัลบั้มเต็มทั้ง 11 เพลงให้ฟังปลายเดือน ม.ค. นี้ ที่เซอร์ไพร้ส์แฟนเพลงอีกขั้นด้วยการประกาศคอนเสิร์ตใหญ่ บอดี้สแลม เฟสต์ วิชาตัวเบา ไลฟ์ อิน ราชมังคลากีฬาสถาน” (M-150 presents BODYSLAM FEST วิชาตัวเบา LIVE IN ราชมังคลากีฬาสถาน) หลังเคยสร้างความยิ่งใหญ่ในสถานที่แห่งนี้มาแล้วเมื่อ 9 ปีก่อน วันนี้ ฮันนี่บี ได้มีโอกาสนั่งพูดคุยกับ 5 หนุ่มบอดี้สแลม ถึงจุดเริ่มต้นของอัลบั้ม วิชาตัวเบา นี้มีมุมมองการทำงานอย่างไร รวมทั้งความพร้อมและความพิเศษของคอนเสิร์ตใหญ่ ติดตามได้ในบทสัมภาษณ์เลยค่ะ

จุดเริ่มต้นของการทำอัลบั้มใหม่ชุดที่ 7 “วิชาตัวเบาเป็นอย่างไร?
ตูน : “อัลบั้มนี้เราเริ่มทำมา 2 ปี ระหว่างทัวร์คอนเสิร์ตที่ผ่านมาเวลาจะทำอัลบั้มอะไรบอดี้สแลมจะหยุดทัวร์กันแล้วก็ทำงานแต่อัลบั้ม วิชาตัวเบา นี้เราตั้งใจอยากทำเพลงไปด้วยและทัวร์คอนเสิร์ตไปด้วยเผื่อจะเกิดสิ่งใหม่ ๆ ขึ้นมา จนในที่สุดเราก็ได้เพลงบางเพลงในระหว่างที่เราทัวร์นี่แหละ จึงใช้เวลาทำงาน 2 ปี ครับ ถามว่าในการทำงานเราอยากจะเปลี่ยนรูปแบบเฉย ๆ หรือไม่ เพราะอัลบั้ม ดัม-มะ-ชา-ติ เราหยุดทำงานไปปีนึงเลย รู้สึกว่ามันเหงาไป เลยดีไซน์การทำงานใหม่หมด มันเบาและผ่อนคลายขึ้นถึงเป็นที่มาของชื่ออัลบั้ม วิชาตัวเบา เรามีความสุขมากที่ได้ทำ ได้เห็นตัวเองมากขึ้นในแง่มุมต่าง ๆ ที่เราไม่เคยเห็น 10 กว่าปีที่ผ่านมา เรารู้สึกว่ามันพัฒนาในแง่ของความเป็นคน ในแง่ของความเป็นนักดนตรี นักร้อง ผมว่าไม่ใช่แค่จดจ่อกับการทำอัลบั้มดี ๆ จนเราลืมมองคนข้าง ๆ ของตัวเอง ผมว่าอัลบั้มนี้มีชีวิตของมันอีกแบบหนึ่งที่สดใสร่าเริงแล้วก็เบาครับ”
ปิ๊ด : “สำหรับผมทุกวิธีการดีหมด อย่างการหยุดเพื่อทำงานเพลง 1 ปี ก็ได้โฟกัสงานจริง ๆ ตอนทำ ดัม-มะ-ชา-ติตูนโยนอยากให้เราทำอัลบั้มนี้เป็นมาสเตอร์พีซ เลยลงความเห็นว่าน่าจะหยุดเพื่อทำจริง ๆ ลองวิธีนี้แล้วรู้สึกว่าทุกอย่างมันดีหมด แต่เหงาไปหน่อยเลยลองวิธีทัวร์ไปด้วยทำงานเพลงไปด้วยมันก็ดีออกมาก็สนุกเหมือนกัน”
โอม : “นอกเหนือจากที่ทัวร์ไปด้วย ทำงานไปด้วย คือเปลี่ยนวิธีทำงาน เราเปลี่ยนบรรยากาศในการอัดเสียงด้วยการเนรมิตโรงรถบ้านพี่ตูนให้เป็นห้องอัดเลยมันได้ความผ่อนคลายกว่าไปห้องอัดที่เจอแต่กำแพงครับ”

เนื้อหาเพลงฟังแล้วเบาขึ้นด้วยหรือเปล่า?
ตูน : “จริง ๆ ไม่ใช่ตัวเนื้อเพลงนะที่บอกว่าเบา ยังเป็นบอดี้สแลมแบบป๊อปร็อกที่ทุกคนคุ้นเคย บางเพลงหนัก บางเพลงเบา เพลงพูดถึงชีวิตที่เข้มข้นก็ยังมี แต่ว่ามันเบาในแง่ของการทำงานความคาดหวังมากกว่า เรารู้ใครมีหน้าที่อะไร ทุกคนจะรอรับไม้ต่อจากกันและกัน ถามว่ามีปัญหาระหว่างทางไหมก็มี แต่สุดท้ายแล้วมันจะถูกเลือกด้วยธรรมชาติเมื่อใช่ เราโชคดีที่มีโปรดิวเซอร์คือพี่อ๊อฟ และ พี่กบ บิ๊กแอส และทีมแมงโก้ที่ช่วยเขียนเนื้อเพลง ถือเป็นโชคดีของเรามากที่ได้ทำงานกับพี่ ๆ ทุกอัลบั้ม ซึ่งมันดีขึ้นทุกแง่มุม ชุดนี้มันโล่งขึ้น เด็กลงนั่นเอง”

ถามจริง ๆ ว่าแพสชั่นในการทำงานยังคงเดิมหรือเปล่า?
ตูน : “บอดี้สแลมมีจุดยึดโยงของอัลบั้มคือ เราต้องสนุกมีความสุข และเล่าเรื่องจริงที่เกิดขึ้น ผมเชื่อว่าพอเราร้องอะไรที่รู้สึกจริง ๆ แต่ละช่วงเวลาเราจะไม่หมดเรื่องที่จะเล่าและเล่น เราจะไม่พยายามเอาอะไรที่ทุกคนฮิต ทุกคนชอบมาต้องเปลี่ยนเป็นแบบนั้นแบบนี้ พยายามจะทำงานจากตัวเราก่อน แต่ละอัลบั้มของบอดี้สแลมจึงเหมือนเป็นไดอารี่ของกลุ่มคนกลุ่มหนึ่ง แน่นอนอัลบั้มแรก ๆ เราอายุ 20 ต้น ๆ ก็พูดเรื่องที่คนวัยนั้นพูดกัน
ผู้หญิง  ความรัก ความฝัน จนมาถึง ดัม-มะ-ชา-ติ เราโตมาถึงวัย 30 ปลาย ๆ บางทีก็มีมุมที่เรามองว่าอยากพูดเรื่องความรักให้น้อยลง มันจึงเป็นอัลบั้มที่ตึงแล้วหลุดไปเลย แต่เรามีความสุขที่ได้ทำอะไรที่จริงแล้วก็ซื่อสัตย์กับตัวเองมากกว่าทำแค่เพลงฮิตอย่างเดียวครับ เราไม่มีทางเปรียบงานใหม่กับงานเก่ามันไม่ยุติธรรมอยู่แล้วเพราะคนที่ทำอัลบั้มหลัง ๆ มีประสบการณ์มากขึ้น สุดท้ายเราเต็มที่ทุกอย่างกับอัลบั้มชุดที่ 7 จึงไม่มีอะไรต้องเสียใจจริง ๆ”



ปัจจัยภายนอกของวงการเพลงล่ะมีผลต่อการทำงานหรือไม่?
ตูน : “ถ้าให้ผมเดาน่าจะเป็นเรื่องการดาวน์โหลดหรือรายได้ แม้กระทั่งผู้ฟังที่จะสนใจงานเรา ตรงนี้ไม่มีผลต่อการเหนื่อยท้อ เราแค่อยากหยุดพัก ผมว่าเกิดกับทุกสาขาอาชีพ ไม่ใช่แค่นักดนตรีหรือนักร้อง พี่ ๆ นักข่าวเอง ตอนแรกเราฝันอยากเป็นนักข่าว ผมก็เช่นกันฝันอยากเป็นนักร้องนักดนตรี แต่พอความฝันกลายเป็นงานประจำเราจะรับมือยังไง ต้องตอบตัวเองให้ได้ว่าสุดท้ายนี่คือสิ่งที่เราสนุกที่สุดและทำได้ดีที่สุดในชีวิตหรือเปล่า ถ้าเราท้ออยากเลิกไม่หาทางออกแล้วสิ่งที่เราทำได้ดีเป็นอันดับรองลงมาล่ะ เราจะทนกับมันได้เหรอ ผมก็คิดว่าทุกอย่างต้องมีปัญหาหมด แต่อยู่กับสิ่งที่เราทำได้ดีที่สุดแล้วเราจะมีความสุขครับ เราจึงต้องหามิติใหม่ ๆ ในการทำงานเพื่อลดทอนปัญหาที่จะพาเราไปสู่จุดอิ่มตัว มันแก้ปัญหาได้ เหมือนที่อัดที่ห้องอัดแกรมมี่มันก็เครียด ก็ทำงานที่บ้านเพื่อลดทอนยืดเวลาให้จุดอิ่มตัวนั้นไกลขึ้น”

ขอเคล็ดลับวิชาตัวเบาที่เราใช้มาโดยตลอดหน่อย?
โอม : “สำหรับผม ผมจะเตือนตัวเองเสมอ ทัศนคติสำคัญที่สุดคือมองให้บวก เรามีความสุขกับทุกอย่างได้จากวิธีคิด จะคิดเข้าข้างตัวเองหรือยังไงก็ตาม ทัศนคติที่มันบวกต่อตัวเราเอง ผมว่ามันก็ทำให้เราตัวเบาได้”
ตูน : “จริง ๆ ผมไม่ใช่คนเก่งถึงขั้นปล่อยวางอะไร แต่โชคดีที่ผมมีคนรอบข้างที่ฝากใจขอคำปรึกษาได้ หลายครั้งที่ผมรู้สึกหลงทาง มักจะได้รับความช่วยเหลือที่ดีจากคนรอบข้างเสมอ ฝากถึงหลายคนที่คิดว่าหนักหนายากที่จะหาทางออกลองมองดูคนข้าง ๆ พ่อแม่ พี่น้อง หรือใครที่เราเคารพนับถือลองไปฝากใจกับเขาเผื่อว่าช่วยผ่อนหนักเป็นเบาได้ครับ”
ปิ๊ด : “แต่ก่อนผมบ้าบอเยอะ เครียด สร้างปัญหาให้กับตัวเองและคนอื่นเยอะ ตอนนี้ผมแค่เอาใจเขามาใส่ใจเราให้มากขึ้นกับคนรอบข้าง”
ยอด : “คิดเยอะขึ้นกว่าเดิม จากไม่ค่อยคิดเยอะ ผ่อนคลาย ไม่เครียด ถ้าเครียดก็มาปาร์ตี้กับเพื่อน ๆ”
ชัช : “มีสติกับทุกเรื่องครับ”

สุดท้ายฝากคอนเสิร์ตใหญ่ที่ราชมังคลาฯ ทั้ง 2 รอบ?
ตูน : “ใครที่เคยไปอยู่ในสนามเมื่อ 8-9 ปีที่แล้วจะรู้ว่ามันพิเศษ สำหรับผมมันคือสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของการเล่นคอนเสิร์ต ไม่บ่อยครั้งที่จะมีแรงทำโชว์ขนาดนี้ได้ อยากให้ทุกคนมาฟังเพลงที่เคยมีประสบการณ์ร่วมกัน ในวันที่ 9 และ 10 ก.พ. 62 เวลา 19.00 น. รอบนอกที่จะมีเรื่องราวของบอดี้สแลมตั้งแต่เริ่มต้น ประสบการณ์ และชีวิต มาให้ชมเป็นเฟสติวัล รวมทั้งเวทีเล็กที่เราอยากสะท้อนภาพของวงดนตรีมัธยม หรือมหาวิทยาลัย ที่เล่นได้ทุกเวทีที่มีโอกาสแบบพวกเราเมื่อก่อนด้วย น่าจะเป็นแรงบันดาลใจให้น้อง ๆ อีกหลายคน แขกรับเชิญที่จะปรากฏบนเวทีคือคนที่มาร่วมฟีทเจอร์ริ่งในอัลบั้มนี้ครับ จองบัตรคอนเสิร์ตได้ในวันอาทิตย์ที่ 6 ม.ค. 62 นี้ ที่ไทยทิคเก็ต เมเจอร์ ซึ่งวันที่ 6 นี้ บัตรราคา 1,500 บาท จะเหลือ 1,200 บาท นะ อยากเชิญชวนแฟน ๆ ของบอดี้สแลมไม่ว่าอัลบั้มไหนก็ตาม ผมคิดว่าโชว์นี้จะเป็นโชว์ที่มีความสุขที่สุด ขาดทุกคนไม่ได้จริง ๆ ครับ”
        
จากการพูดคุยกับ บอดี้สแลม ในวันนี้ เราได้รับรู้การทำงานในอัลบั้มใหม่ ที่มีพัฒนาการมากยิ่งขึ้น แต่ยังคงเข้มข้นทุกบทเพลง ยังไงฝากอัลบั้มวิชาตัวเบา และฝากไปให้กำลังใจพวกเขาในคอนเสิร์ตใหญ่สองรอบที่ราชมังคลากีฬาสถานด้วยนะคะ.

............................................................
ฮันนี่บี